บทความล่าสุด
ที่ระเบียงห้องพักของโรงแรม โย โย เลย์
ปิดทองเสร็จแล้ว ผมย้อนกลับไปเอาระฆังทองเหลืองลูกเล็กๆจากที่ผมแขวนเอาไว้ ดูชื่อที่เขียนเอาไว้จนแน่ใจว่าไม่ได้หยิบของคนอื่นมา แล้วผมก็กลับออกมาจากที่ตรงก้อนหินนั้นขึ้น บันได ผ่านประตูยามรักษาการณ์ เข้าไปในหมู่คนเหมือนเดิม เห็นคุณหวานยืนรออยู่ที่เดิมจึงหากันได้ง่าย
เสร็จธุระเรื่องไหว้พระธาตุแล้ว คราวนี้จะเดินดูอะไร หรือดูบรรยากาศทั่วๆไปก็เดินได้อย่างสบายใจแล้ว
บรรยากาศยามค่ำคืนบนลานกว้างที่เรียกว่า พระธาตุอินทร์แขวนนี้ สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ ผู้คนมากมายไม่รู้ว่ามาจากที่ไหนกันบ้าง แน่นขนัดไปหมดทั้งๆที่ตอนบ่ายตอนที่พวกผมมาถึงใหม่ๆ ยังไม่ค่อยมีคนมากขนาดนี้เลย นี่ขนาดไม่ใช่เป็นเทศกาลเป็นเพียงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ธรรมดานี่เองนะครับ
ถ้าเป็นเทศกาลสงกรานต์หรือเทศกาลปีใหม่ มีคนที่เคยมาแล้วบอกว่า จะมีคนมากที่สุด ที่ผมมากันเที่ยวนี้ก็ดีแล้วครับ ถึงมีคนมากแต่ก็คิดว่ายังน้อยกว่าที่เป็นวันเทศกาลต่างๆ ถ้ามีคนมากๆก็จะแย่งกันในทุกๆเรื่องเช่นการกิน การทำธุระส่วนตัว การนอน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ จะชุลมุนวุ่นวายไปหมด ซึ่งถ้าเป็นเรื่องยุ่งๆยากๆ ละก็ผมไม่เอาด้วยเด็ดขาดครับ


ตอนนี้มืดแล้ว บรรยากาศรอบๆภูเขาที่เป็นลานพระธาตุนี้ สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ แต่ข้างนอกไกลๆออกไปทางทิวเขาซึ่งสลับซับซ้อนนั้นยังมองเห็นลางๆ มองไปบางที่ของหุบเขา เห็นแสงไฟ แว๊บๆ วูบวาบ แบบริบหรี่ เพราะระยะไกลจึงไม่ทราบว่าที่เห็นบางแห่งมีแสงไฟนั้น
คือแสงไฟของอะไร หรือว่าเป็นไฟป่ากำลังลุกไหม้อยู่ หรือว่ามีคนไปปลูกกระท่อมที่พักเพื่อเฝ้าไร่ หรือว่ามีคนเข้าไปทำอะไรแล้วพักแรมอยู่ในป่าแล้วได้ก่อกองไฟขึ้นมา ไล่ความหนาวและป้องกันสัตว์ที่จะเข้ามาทำอันตรายในเวลากลางคืน
ถ้าจะดูทิวทัศน์ให้ชัดต้องดูตอนกลางวัน แต่ถ้าจะดูจุดเล็กๆนั้นก็ต้องใช้กล้องส่องทางไกลดูครับ มีคนบอกว่า ในตอนกลางวันถ้าอากาศดีๆ เรามองจากที่ตรงนี้จะมองไปได้ไกล จะมองเห็นแม่น้ำสะโตง (ที่สมเด็จพระนเรศวรยิงปืนข้ามแม่น้ำ) อยู่ไกลๆสุดสายตาด้วย เมื่อตอนกลางวันผมไม่ได้มองนะครับ ผมจึงบอกไม่ได้ว่าจะเห็นแม่น้ำนั้นจริงหรือเปล่า
ลมเย็นๆโชยวูบวาบเป็นระยะๆมาต้องกาย ผมกับคุณหวานยืนดูทิวทัศน์ ยืนพิงที่รั้วเหล็กกั้นสำหรับป้องกันไม่ให้คนตกลงไป มองไปข้างนอกจากภูเขาลูกนี้ไป มองเห็นภูเขาที่สลับซับซ้อนเป็นเงาลางๆดังที่ได้บอกมาแล้ว
ตากลมเย็นๆกันสักครู่หนึ่งจึงได้เดินเข้าไปในกลุ่มคน บังเอิญพบเพื่อนในกลุ่มเดียวกับผมที่แยกกันเมื่อสักครู่นี้ ก็เลยเดินรวมกลุ่มกัน ดูนั่นดูนี่นานๆเข้าก็ชักจะเมื่อยขาซะแล้ว อยากจะหาที่นั่งพักสักประเดี๋ยว ก็เลยเดินเข้าไปในกลุ่มคนที่กำลังนั่งอยู่บนเสื่อ


มีคนสามสี่คนนั่งอยู่บนเสื่ออยู่ก่อนแล้ว แต่ยังมีที่ว่างยังนั่งได้อีก คุณหวานก็เลยพูดออกเสียงเป็นภาษาไทย พลางยกไม้ยกมือเป็นภาษาใบ้ว่า จะขอนั่งตรงนั้นด้วย ได้ยินเสียงตอบมาว่า นั่งได้ นั่งได้ เชิญตามสบายเลยจ๊ะ
เสียงพูดภาษาไทยไม่ชัดแต่ฟังดูแล้วรู้เรื่อง จึงคิดว่าเขาเป็นคนที่ไหนกันแน่ ผมคิดว่าคงเป็นคนพม่าบางคนที่อาจจะเคยไปทำงานที่เมืองไทยหลายๆปี ก็เลยพูดไทยได้บ้าง
พวกเราต่างขอบคุณเขาที่เต็มใจให้นั่งพักเมื่อยบนเสื่อนั้น แล้วการเจรจาคุยกับเจ้าของเสื่อก็เริ่มขึ้น เจ้าของเสื่อนี้เป็นผู้หญิงในวัยกลางคนแล้ว กะว่าอายุจะใกล้ๆ 50 ปี มากับสามี ที่คิดว่าจะมีอายุมากกว่าภรรยาสักสองสามปี ลูกสาวคนหนึ่ง แล้วก็แม่ของสามี (แม่ผัว) รวมทั้งหมด 4 คน
ทั้งหมดนี้เป็นคนชาวพม่า มีบ้านพักอาศัยอยู่ที่เมืองเมียวดี ซึ่งจากตรงนี้ไปต้องขึ้นเหนือไปอีก น่าจะประมาณ 800 กม. การเดินทางมาที่นี่ของเขา เขาบอกว่าขับรถปิ๊กอัพมาตลอดทั้งวัน ด้วยแรงศรัทธาต่อพระธาตุแห่งนี้
ผัวเมียคู่นี้มีอาชีพค้าขาย โดยที่เมืองเมียวดีของพม่าเป็นจังหวัดที่ติดต่อกับ อ.แม่สอด จ.ตากของไทยเรา เขาจึงขับรถข้ามไปมาระหว่างเมียวดี กับ อ.แม่สอดเป็นประจำ อย่างน้อยอาทิตย์ละสองครั้ง
การติดต่อค้าขายกับคนไทยนั้นจึงทำให้ผัวเมียคู่นี้พูดไทยได้ แม้ว่าสำเนียงของพม่ายังติดอยู่ แต่ก็พูดและฟังภาษาไทยออกเกือบทุกคำ ส่วนสามีของเธอก็ข้ามไปมาค้าขายกับเธอด้วยแต่ยังพูดภาษาไทยได้ไม่มากนัก แต่ก็ฟังออกทุกคำ
คุยกันเป็นเวลานาน พูดคุยกันรู้เรื่องดี เธอได้ถามว่าพวกเรามาจากที่ไหน คุณหวานบอกว่ามาจากกรุงเทพฯ ในตอนสุดท้ายเธอบอกว่าอยากให้ไปเที่ยวที่บ้านเธอบ้างถ้ามีโอกาส
นั่งพักและคุยกับเจ้าของเสื่อนานพอสมควรแล้ว ก็นึกอยากจะกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม จึงบอกเจ้าของเสื่อขอบคุณเขา แล้วก็เดินกลับโรงแรมต่างคนต่างก็ย้ายกันไปพักผ่อนห้องใครห้องมัน
ผมและคุณหวานเข้าห้องพักแล้วก็รีบอาบน้ำชำระร่างกาย หลังจากที่เหนื่อยและร้อนเหงื่อเหนียวตัวมาทั้งวัน ที่นี่เขามีน้ำเย็นน้ำอุ่นด้วย เหมือนโรงแรมอื่นๆ เสียอย่างเดียวไม่มียาสระผมให้ด้วย ในวันนั้นผมจึงไม่ได้สระผม เพราะว่ายาสระผมไม่ได้ติดมาจากเมืองไทย
อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยกันแล้วสวมเสื้อผ้าสำหรับนอน แล้วก็นั่งพักเปิดทีวีดู ทีวีที่นี่รับได้หลายช่อง แต่เป็นช่องของพม่าเป็นส่วนใหญ่ มีช่อง 3 ของไทยเพียงช่องเดียวที่รับได้ แต่ไม่ชัดนัก ก็พอดูได้ ที่ดูก็เพราะว่าอยากได้รับข่าวจากเมืองไทยบ้าง วันนั้นบังเอิญดูข่าวช่อง 3 เห็นข่าวของคุณบรรหารเสียชีวิตพอดี
ในตอนกลางคืนกลางดึกประมาณตี 3 เห็นจะได้ ผมตื่นขึ้นมาจะเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงคนพูดกันแว่วๆแต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ก็ไม่ได้สนใจอะไร เข้าห้องน้ำแล้วก็ล้มตัวนอนตามปกติ


ตื่นเช้ามาอาบน้ำแต่งตัวแล้ว คอยเวลา 6 โมงเช้าจะต้องไปกินอาหารเช้ากันที่ห้องอาหารของโรงแรมอีกมื้อหนึ่ง ในระหว่างคอยเวลา ได้ถ่ายรูปวิวที่มองออกมาจากหน้าห้องพักเอาไว้ด้วย
เมื่อไปถึงห้องอาหารแล้ว เห็นคนคุยกันอยู่จึงเดินผ่านเข้าไปฟัง ก็ได้ความว่า เมื่อคืนนี้ตอนตี 3 คนที่มากรุ๊ปเดียวกับผมเป็นผู้ชายเกิดไม่สบายขึ้นมา คนนี้เขามากับภรรยาและลูกชายโตแล้วคนหนึ่ง
ที่โต๊ะอาหารที่ดาดฟ้าเมื่อตอนมื้อเย็น รับประทานอาหาร (คนนี้ผมเห็นว่ากินเบียร์ด้วย) กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ขึ้นไปพักผ่อนกันที่บนห้อง คนนี้เขาไม่ได้ออกไปที่ลานพระธาตุอีก พอตกประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ ก็เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง กินยาธาตุที่เตรียมมาจากบ้านก็ไม่ดีขึ้น
งานนี้ฝ่ายภรรยาไม่รู้จะทำอย่างไร จึงไปเรียกเพื่อนที่พักอยู่ห้องใกล้ๆกัน คืนนั้นจึงโกลาหล มีคนตื่นอีกหลายห้องมาช่วยกันด้วย เพราะว่าเขามาด้วยกันจากกรุงเทพฯ
ในที่สุดไม่รู้จะทำอย่างไรคนป่วยก็บิดตัวปวดท้องอย่างรุนแรง จึงลงความเห็นกันว่าต้องขอพึ่งหมอแล้วละ ดังนั้นประมาณตี 3 (ที่ผมได้ยินเสียง) เธอพร้อมด้วยลูกชายและมีเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งติดตามไปเป็นเพื่อนด้วย รีบออกจากห้องพัก เดินไปทางลานพระธาตุซึ่งตอนนี้เงียบสงบลงไปบ้างแล้ว มีคนเดินน้อยลง มีคนนอนกันเกลื่อนกราดไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย
เธอพร้อมด้วยลูกชายรีบเข้าไปหาคนที่รักษาการณ์อยู่ พลางเล่าให้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่รักษาการณ์ก็ใจดีรีบไปรับหมอที่อยู่ในตลาดห้องแถว ขึ้นไปยังห้องพักของคนป่วยทันที หมอตรวจอาการเบื้องต้นแล้ว ลงความเห็นว่า ที่ปวดท้องอย่างรุนแรงนั้นเป็นเพราะว่าอาหารเป็นพิษ จึงได้ฉีดยาให้ และจัดยาให้ แล้วตอนหลังจากที่หมอฉีดยาให้แล้ว เป็นอย่างไรต่อไป ผมก็ไม่ทราบแล้ว
เรื่องที่ผมได้ยินมาก็มีเท่านี้ ในเช้าวันนี้อาการของชายคนป่วยก็คงจะดีขึ้น แต่ไม่ได้ลงมากินข้าวเช้ากับเขาด้วย คงจะนอนพักอยู่ในห้องพักนั่นเอง


เช้าวันนี้อาหารเช้าในห้องอาหารก็มีพวกข้าวผัด แล้วก็กับข้าวต่างๆที่เหมาะกับ ที่เป็นอาหารเช้า กินกันเสร็จแล้ว ต่างคนก็แยกย้ายกันเข้าห้องพัก เพื่อไปเก็บข้าวของหรือเพื่อจะทำธุระหนักเบาส่วนตัว ก่อนที่จะคืนห้องแล้วออกจากโรงแรมนี้ไป
ผมเก็บข้าวของเสื้อผ้าและของส่วนตัวเล็กน้อย เพราะว่าไม่มีอะไรมาก ตรวจดูคร่าวๆแล้วคิดว่าไม่ลืมอะไรแล้วสายชาร์ตแบตฯโทรศัพท์ก็ไม่ลืม จึงหิ้วกระเป๋าออกจากห้อง แล้วมาถ่ายรูปวิวที่ตั้งใจจะถ่ายเมื่อเย็นวานนี้ เสร็จแล้ว ก็ลงไปชั้นล่าง และไปรวมกลุ่มกันที่ๆทำการของโรงแรมพร้อมกับคืนกุญแจห้อง



คืนกุญแจห้องกันครบหมดทุกคนแล้ว ไกด์บอกว่า ให้พวกเราขึ้นไปข้างบนเพื่อไปไหว้พระธาตุอีกครั้งหนึ่ง หรือใครจะไม่ไหว้ก็ตามใจ แต่เมื่อถึงเวลา 7.30 น.ให้พวกเราไปรวมตัวกันที่เสาที่มีหงส์ เหมือนกับเมื่อตอนขามา ซึ่งทุกคนก็รู้อยู่แล้ว แถมไกด์ยังเตือนอีกว่า เวลาที่ขึ้นไปที่ลานพระธาตุให้ทุกคนถอดรองเท้าถือขึ้นไปด้วย
ทุกคนจึงถือกระเป๋าแล้วก็ถอดรองเท้าเดินขึ้นไปบนลานพระธาตุ แล้วต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปจะทำอะไรก็ตาม แต่เมื่อถึงเวลานัดก็ไปตามนัดก็แล้วกัน
เที่ยวนี้ผมกับคุณหวานและเพื่อนอีกสองสามคนไม่ได้ไปปิดทอง เพียงแต่กราบตรงพื้นเฉยๆ ถือเสียว่าเป็นการไหว้ครั้งที่สาม แล้วก็เดินดูบรรยากาศ และถ่ายรูปเอาไว้เป็นที่ระลึกด้วย


เมื่อถึงเวลานัดก็เดินไปที่เสาที่มีหงส์อยู่บนยอดเสา ที่นั่นมีคนหลายคนมารอกันอยู่ก่อนแล้ว เมื่อได้เวลาและมีคนมาครบกันแล้ว ก็ออกเดินทางกลับไปตามทางเดินที่เมื่อวานได้เดินกันขึ้นมา
ในตอนเช้าๆอย่างนี้ตามทางเดินมีคนเดินกันขวักไขว่ ตลอดทางมีพระยืนคอยรับบิณฑบาตด้วย ใครมีจิตศรัทธาก็เอาเงินใส่ลงไปในบาตรแทนข้าวปลาอาหาร เพื่อเป็นการทำบุญ ขากลับนี้ดูเหมือนว่าจะเดินเร็วกว่าขามา ไม่นานนักก็ถึงสถานที่จอดรถจะเขารอรับผู้ที่จะกลับลงไปข้างล่าง










ไกด์ได้ติดต่อรถมาคันหนึ่ง ซึ่งเหมาเป็นพิเศษโดยไม่มีผู้โดยสารอื่นๆปนมาเลยเหมือนเมื่อตอนขาขึ้นมา และวันนั้นรถได้พาพวกเราลงจากเขาที่ประดิษฐานพระธาตุโดยปลอดภัย ลงมาถึงพื้นแล้วรถทัวร์ที่เรานั่งมาตลอดคันนี้ มาจอดรอรับพวกเราอยู่แล้ว พวกเราจึงเดินทางกลับไปยังเมืองหงสาวดี ต่อไป
เรื่องการไปนมัสการพระธาตุอินทร์แขวนนี้ ผมต้องขออภัยต่อท่านผู้อ่านด้วย ซึ่งเขียนได้ไม่ละเอียด ซึ่งใช้ความจำและเขียนเท่าที่เห็นมาเท่านั้น ส่วนภาพก็ถ่ายมาเองไม่ได้เอาภาพของผู้อื่นมาแต่อย่างใด จึงอาจจะไม่สวยงามเหมือนพวกช่างภาพมืออาชีพ ก็ต้องขออภัยด้วย
โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
ติดตามตอนต่าง ๆ ของเรื่อง "ไปเที่ยวพม่า" ได้ตามลิงค์ข้างล่างครับ
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 1 เตรียมการเดินทางไปพม่า
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 2 ความรู้ต่างๆจากไกด์ชาวพม่า
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 3 พระเจดีย์กลางน้ำเยเลพญา ที่เมืองสิเรียม
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 4 อาหารมื้อแรกที่เมืองย่างกุ้ง
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 5 พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี และ เทพกระซิบ
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 6 นัตโบโบยี (natboboyee) หรือเทพทันใจที่เมืองย่างกุ้ง
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 7 ตลาดสก๊อตที่ย่างกุ้ง (Scott Market)
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 8 พระมหาเจดีย์ ชเวดากอง
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 9 โรงแรมเรือVintage Luxury Yacht Hotel ที่เมืองย่างกุ้ง
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 10 วัดไจ๊ปุ่น (KYAIK PUN PAGODA) ที่หงสาวดี
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 11 พระราชวังบุเรงนองที่เมืองหงสาวดี
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 12 ทำบุญตักบาตรที่วัดไจ๊คะวาย เมืองหงสาวดี
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 13 การเดินทางขึ้นพระธาตุอินทร์แขวน (1)
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 14 พระธาตุอินทร์แขวน (2) (ตอนที่กำลังเปิดอยู่นี้)
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 15 พระธาตุอินทร์แขวน 3
- ไปเที่ยวพม่า ตอนที่ 16 พระธาตุอินทร์แขวน (4) (ตอนที่กำลังเปิดอยู่นี้)