ค่ำคืนอันเลวร้าย 7
Patipat suwanmutcha
ที่สถานีตำรวจ ซึ่งเป็นสถานีเล็กๆ เป็นสถานีตำรวจที่เป็นสาขาของสถานีที่อยู่ในตัวอำเภออีกทีหนึ่ง มีตำรวจประจำอยู่เพียงไม่กี่คน
รถจอดกึกที่หน้าสถานี ตอนนี้ฟ้าสว่างแล้ว มีตำรวจเดินอยู่หน้าสถานีสองสามคน ยังไม่มีคนพลุกพล่าน สถานีตำรวจที่เป็นสาขาก็เป็นอย่างนี้
ชายคนขับรถพยุงคุณสมศักดิ์ลงจากรถ แล้วตรงไปที่ห้องหัวหน้าตำรวจที่นี่ทันที เปิดประตูเข้าไปเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่
“มีอะไรหรือครับ” นายตำรวจหนุ่มซึ่งมียศเป็นพันตำรวจตรีเอ่ยปากถาม
“ผมขอมาแจ้งความครับ ”
นายตำรวจหนุ่มเชิญนั่ง แล้วเริ่มต้นสอบถามทันที คุณสมศักดิ์เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยละเอียด นายตำรวจหนุ่มรับทราบเรื่องแล้ว
“เอาอย่างนี้นะ คดีนี้ผมจะให้หมวดชาญรับผิดชอบไปก็แล้วกัน ” พร้อมตะโกนเรียกพลตำรวจคนหนึ่งให้ไปเรียกหมวดชาญมาหา
หมวดชาญนี้ก็คือ ร้อยตำรวจโทชาญชัยนั่นเอง เขามีอายุกว่า 55 ปีแล้ว เดิมทีก็เป็นตำรวจชั้นประทวนมียศเป็นนายดาบตำรวจ เขาทำงานอยู่ที่นี่หลายปีแล้ว
ต่อมามีการปรับยศให้ตำรวจเมื่อตำรวจนายใดที่มียศนายดาบและอายุได้ 53 ปีขึ้นไป ก็ได้ไปอบรมและได้เลื่อนยศเป็นนายร้อยตำรวจตรีทันที
ดังนั้นดาบตำรวจชาญจึงได้ปรับยศเป็นร้อยตำรวจตรีและอีกไม่นานต่อมาก็ได้ยศเป็นร้อยตำรวจโท จนกระทั่งเดี๋ยวนี้
นายร้อยโทชาญหรือหมวดชาญเดินอาดๆเข้ามาในห้องสารวัตรใหญ่ หมวดชาญรูปร่างสูงใหญ่ดูแข็งแกร่งยิ่งนัก
เขาทำความเคารพแล้วนั่งลงตรงหน้าสารวัตรใหญ่ เมื่อได้ฟังสารวัตรใหญ่เล่าเรื่องจนจบแล้วก็รีบดำเนินการทันที
ทั้งหมดเดินออกมาจากห้องสารวัตรใหญ่
“คุณยังจำสถานที่ๆเกิดเหตุได้หรือเปล่า ผมอยากให้คุณไปกับผม แล้วพาผมไปนะครับ” หมวดชาญบอกคุณสมศักดิ์
“ได้ซีครับ ผมจะพาคุณไปนะครับ ”
ตอนนี้ก็หมดธุระของชาวไร่สองผัวเมียนั่นแล้ว ก่อนจะแยกทางกันไปคุณสมศักดิ์ได้กล่าวขอบคุณอย่างมากมาย พร้อมกับถามชื่อและสถานที่อยู่เอาไว้
เผื่อในวันข้างหน้าจะได้ตอบแทนบุญคุณของเขาบ้าง คุณสมศักดิ์ก็บอกชื่อและสถานที่อยู่พร้อมทั้งบอกเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองให้เขาจดเอาไว้
“ผมลาละครับ ขอให้คุณโชคดีนะครับ”
ทั้งสองยกมือไหว้คุณสมศักดิ์ยกมือไหว้ตอบ แล้วทั้งสองคนก็ขึ้นรถขับออกไป
หมวดชาญเรียกสิบตำรวจโทอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นคู่หูให้ไปด้วยกัน จุดแรกที่จะไปนี้ คุณสมศักดิ์ให้ไปที่ถนนใหญ่ก่อน เพราะต้นเหตุเกิดที่ถนนใหญ่
หมวดชาญขับรถไม่นานก็ถึงถนนใหญ่ซึ่งคุณสมศักดิ์จำได้ว่าตรงนี้เองที่รถของเขาลงมาจอดข้างทางและรถของพวกผู้ร้ายก็มาจอดตรงนี้
ทั้งสามคนเดินสำรวจตรงนั้นครู่หนึ่งก็พบโทรศัพท์ของอินเดียตกอยู่ ซึ่งยืนยันได้ว่าเป็นตรงนี้จริงๆ
“เหตุแบบนี้เมื่ออาทิตย์ก่อนก็เกิดครั้งหนึ่งแล้ว แต่ยังสืบจับตัวไม่ได้ว่าเป็นใคร คงจะเป็นคนที่อื่นแน่นอน “ หมวดชาญบอก
“เดี๋ยวผมจะย้อนกลับไปที่ตลาด จะไปสืบหาเบาะแสร่องรอยอีกทีหนึ่ง” หมวดชาญว่า
ทั้งสามคนขับรถย้อนเข้าตลาดอีกครั้งหนึ่ง สายมากพอสมควร ทั้งสามคนคือคุณสมศักดิ์และตำรวจอีกสองคน ขับรถคุยกันมาเรื่อย แล้วก็ช่วยกันสอดส่ายสายตามองข้างถนนที่รถผ่านมาตลอดทาง
ใกล้ตลาดแล้วอีกไม่นานถนนเส้นนี้ก็จะวกกลับเข้าโรงพักตามเดิม รถกำลังจะวิ่งผ่านโกดังร้างเก่าๆ ซึ่งคิดว่าคงไม่มีคนอาศัยอยู่แล้ว ซึ่งหมวดชาญเห็นอยู่ทุกวัน
ฉับพลับสายตาของคุณสมศักดิ์เหลือบไปเห็นรถคันหนึ่ง ซึ่งจำได้ว่าเป็นรถของเขาเอง จอดคู่อยู่กับรถอีกคันหนึ่งซึ่งเป็นรถของพวกคนร้ายนั่นเอง
“หยุด หยุดก่อน ” คุณสมศักดิ์บอกหมวดชาญเสียงดังลั่น
“ผมเห็นรถของผมแล้ว จอดอยู่ตรงโกดังร้างนั่น”
หมวดชาญรีบเหยียบเบรกแล้วกลับรถทันทีเพราะว่ารถได้วิ่งเลยมาหน่อยหนึ่งแล้ว
“รถคุณก็จริง แต่พวกมันจะอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้” หมวดชาญสันนิษฐาน
“ถึงอย่างไรก็ต้องเข้าไปดู”
หมวดชาญเลี้ยวรถเข้าไปที่โกดังร้างนั้นทันที
“เตรียมอาวุธพร้อมนะหมู่” หมวดชาญบอกอีก
“ส่วนคุณไม่ต้องเข้าไปก็ได้ ถ้าพวกมันอยู่ก็อันตรายมากพวกมันต้องมีอาวุธแน่ๆ”
หมวดชาญหันมาบอกคุณสมศักดิ์
ตำรวจทั้งสองคนลงจากรถด้วยความระมัดระวัง
คุณมาลีพร้อมด้วยอินเดียลูกสาว พลิกฟื้นคืนสติขึ้นมาแล้ว เห็นไอ้สามคนกำลังนั่งสุมหัวกันอยู่เพื่อรอคอยนาทีอันสำคัญ มันคิดว่าถ้าสองคนแม่ลูกตื่นขึ้นมาแล้ว ก็จะทำการข่มขืนเสียให้หนำใจที่รอคอยเวลามานาน
คุณมาลีตื่นขึ้นมาแล้วที่ข้อมือทั้งสองข้างยังถูกมัดรวมกันอยู่จนรู้สึกเจ็บ
“ขอน้ำกินหน่อย” คุณมาลีส่งเสียงอันแผ่วเบาด้วยความอิดโรย
“เดี๋ยวกูเอาให้กิน” ไอ้หัวโล้นบอก พลางหยิบขวดน้ำมาตั้งไว้ตรงหน้า
“แล้วมึงมัดกูอย่างนี้แล้วกูจะกินยังไง มึงมาแก้มัดกูก่อน กูไม่มีปัญญาจะหนีไปไหนได้หรอก”
ไอ้ผมฟูแต่งตัวสกปรกเห็นลูกพี่ผมหยิกพยักหน้า มันถือมีดของมันมาตัดเชือกโดยดี
“มึงอย่าเล่นตลกก็แล้วกัน” คนผมหยิกร่างสูงสำทับ ซึ่งเห็นรูปการแล้วผู้หญิงทั้งสองคนนี้ไม่มีทางจะหนีไปไหนได้ เพราะว่ามันมีปืนของคุณสมศักดิ์อยู่ในมือ
“มึงเล่นตลกอะไรกูยิงทิ้งทันที” คนผมหยิกบอกอีก
ไอ้ผมยาวตัดเชือกที่ข้อมือคุณมาลีแล้วก็ตัดเชือกที่มัดข้อมือของอินเดียด้วย ทั้งสองดื่มน้ำอย่างกระหาย เสร็จแล้วไอ้หัวโล้นเข้ากอดคุณมาลีทันที ไอ้ผมยาวก็เข้ามากอดอินเดีย คิดว่าคราวนี้คงเสร็จมันแน่อย่างไม่ต้องสงสัย
ทั้งสองดิ้นและผลักไสอย่างไม่คิดชีวิต ไอ้หัวโล้นจับเสื้อคุณมาลีกระชากขาดหลุดออกมาทันที มองเห็นร่างที่ขาวและอวบ มันก็ยิ่งย่ามใจ
ส่วนคนผมหยิกร่างสูงนั่งมองอยู่โดยไม่ได้ลุกขึ้นมาร่วมวงแต่อย่างใด มันนั่งดื่มน้ำอย่างใจเย็น
เสียงคนก้าวสวบๆดังมาจากข้างนอก ได้ยินอย่างชัดเจน คนผมหยิกมองออกไปตามเสียงนั้น มองดูอยู่ครู่หนึ่ง จึงเห็นว่ามีรถอีกคันหนึ่งจอดอยู่ตรงข้างๆรถของคุณสมศักดิ์ ซึ่งในตอนแรกมันไม่ได้สนใจอะไรจึงไม่ได้ยินเสียง
มันพยายามมองให้ชัดอีกทีหนึ่ง ก็เห็นว่าเป็นรถสีเลือดหมู มีไฟสีแดงอยู่บนหลังคารถ ซึ่งเป็นรถตำรวจนั่นเอง
“พ่อมึงมาแล้ว กูบอกแล้วว่าอย่าปล่อยไอ้ผู้ชายเอาไว้ กูบอกแล้ว”
มันหันไปบอกลูกน้องทั้งสองคนที่กำลังจะทำการข่มขืนผู้หญิงสองคนอยู่
ทั้งสองคนหยุดลวนลามทันที กระโดดแผลวออกมาจากห้องเก่าๆนั้น มันวิ่งไปหยิบอาวุธปืนที่ซ่อนเอาไว้มาอยู่ในมือ
พร้อมกับได้ยินเสียงข้างนอกตะโกนเข้ามา คุณมาลีและอินเดียอกสั่นขวัญแขวน หลบไปกอดกันที่มุมห้อง ในตอนนี้เธออยากจะวิ่งหนีออกไปเสียเหลือเกิน แต่ก็ยังเกรงคนพวกนี้ที่มีอาวุธอยู่ในมือ แต่ก็คอยหาจังหวะอยู่
“พวกมึงเอามือขึ้นไว้ที่หัวแล้วเดินออกมามอบตัวเสียดีๆ เจ้าหน้าที่ล้อมเอาไว้หมดแล้ว ”
หมวดชาญตะโกนเข้าไป ทั้งๆที่ยังไม่เห็นตัวพวกมัน
สิบตำรวจโทอเนกค่อยๆหมอบคลานเข้าไปบังเครื่องรถยนต์เก่า ประทับปืนพร้อมยิง พลางสอดส่ายสายตาเข้าไปทางประตูในโกดัง
ในนาทีนี้คนหัวโล้นใจเต้นแทบคลั่ง มันคลานมาตรงประตูโกดังสอดส่ายดูทางด้านนอก เมื่อไม่เห็นมีใคร แล้วค่อยๆคลานเงียบกริบออกมาจากประตู
ในใจมันคงคิดอยากจะหนีแล้ว
สิบตำรวจโทอเนกซึ่งแอบดูอยู่เห็นแล้ว ก็ยังใจเย็นอยากจะให้มันมาใกล้ๆอีกสักหน่อย หมายใจจะจับเป็นให้ได้ เขาไม่ได้ผลีผลาม เพราะคิดว่าคงมีคนข้างในอีกอาจจะยิงสวนออกมาโดนเขาได้
หมวดชาญกำลังหมอบอยู่เห็นแล้ว ยกมือส่งสัญญาณห้ามลูกน้อง ในทำนองบอกให้ใจเย็นๆ เพราะคิดว่ายังมีคนผู้หญิงและเด็กอีกสองคนอยู่ในนั้น
เวลาผ่านไปไอ้โล้นหมอบคลานมาเรื่อยๆ โดยหารู้ไม่ว่ากำลังจะถึงสิบตำรวจโทอเนกอยู่แล้ว
“หยุดนะยกมือขึ้นเอาไว้บนหัวนอนคว่ำหน้าลง”
เสียงสิบตำรวจโทดังขึ้น ไอ้โล้นผลุดลุกขึ้นทันที เล็งปืนในมือตรงไปยังสิบตำรวจโทอเนก แล้วเหนี่ยวไก ก่อนที่กระสุนนัดนั้นจะพุ่งออกจากลำกล้อง สิบตำรวจโทกลิ้งออกจากวิถีกระสุน แล้วเหนี่ยวไกปืน M 16 ซึ่งเป็นปืนคู่มือยิงสวนไปเป็นชุดทันที กระสุนของไอ้โล้นจึงพลาด
เสียงแผดสนั่นของกระสุนของทั้งคู่ซึ่งยิงพร้อมกัน แล้วเสียงก็เงียบไป
ไอ้โล้นโดนกระสุนเข้าอย่างจังที่หน้าอก ผงะกระดอนไปล้มลงใกล้เครื่องยนต์เก่าที่อยู่ตรงนั้น หมดลมหายใจ
สิบตำรวจโทอเนกปลอดภัยจากการกลิ้งตัวหลบ แต่ก็ยังหมอบอยู่ตรงนั้นเพื่อดูเหตุการณ์ต่อไป
เสียงปืนดังสนั่นมาจากข้างนอก คนผมหยิกและคนผมยาวรู้ได้ทันทีว่า ต่อไปนี้ศึกใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว มันคิดว่าจะต้องได้เปรียบให้ได้ ทั้งสองคนรีบวิ่งไปที่คุณมาลีและอินเดียทันที ซึ่งเธอทั้งสองกำลังนั่งกอดกันกลมอยู่ที่มุมห้อง
คนร้ายทั้งสองวิ่งเข้าไปล๊อกคอหญิงทั้งสองเอาไว้เพื่อเอาเป็นตัวประกัน แล้วลากถูลู่ถูกังออกมาที่ประตูโกดัง
คุณมาลีและอินเดียพยายามดิ้น ยิ่งดิ้นเท่าไรมันก็เอาปืนกดที่คอเอาไว้จนเจ็บจึงหยุดดิ้น
คุณสมศักดิ์นั่งอยู่ในรถอดทนไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงปืน จึงลงจากรถแล้ววิ่งมาหมอบอยู่ข้างๆหมวดชาญ
สองคนนั้นล๊อคคอผู้หญิงออกมาคนละคน มายืนที่ประตูเพื่อให้คนข้างนอกได้เห็น
“เอาซีวะ มึงทำอะไรกูไม่ได้หรอก เห็นไหมถ้ามึงบุกเข้ามากูจะยิงอีผู้หญิงนี่ซะเลย”
“ปล่อยเขาดีกว่า ถึงอย่างไรพวกมึงก็ไม่รอดแล้ว” หมวดชาญตะโกนบอก
“พวกมึงตายไปคนหนึ่งแล้วรู้ไว้ซะด้วย” หมวดชาญตะโกนอีก
การเจรจาก็เริ่มขึ้น ความกดดันต่างๆถาโถมเข้ามาหาไอ้หยิก จนมันคิดอยากจะยอมจำนน มันคิดว่าพวกตำรวจก็คืบคลานใกล้เข้ามาแล้ว จะสู้หรือจะยอมมันคิดไม่ตก
ในที่สุดมันก็ยกมือเหมือนว่าจะยอมแพ้ให้เข้ามาจับได้ หมวดชาญเห็นดังนั้นก็คิดว่ามันคงยอมแพ้แน่นอนแล้ว จึงตะโกนสั่งให้มันทิ้งอาวุธ
ไอ้ผมยาวทิ้งอาวุธไปที่พื้นทันทีแล้วยกมือขึ้นไปบนหัวเป็นการยอมจำนน สิบตำรวจโทอเนกเข้าไปคุมตัวไว้แล้วใส่กุญแจมืออยู่ห่างๆ
ไอ้ผมหยิกก็ทิ้งอาวุธปืนของคุณสมศักดิ์ลงบนพื้นเช่นเดียวกัน ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง อินเดียรีบไปเก็บปืนของไอ้ผมยาวที่มันทิ้งลงที่พื้นมาถือไว้ แล้วมายืนอยู่ข้างหลังเสียร้าย
หมวดชาญและคุณสมศักดิ์วิ่งพรวดเข้ามา คุณสมศักดิ์วิ่งนำหน้าหมวดชาญหมายใจจะเข้ามาหาคุณมาลีซึ่งถูกปล่อยเป็นอิสระแล้ว
ทันใดนั้นไอ้ผมหยิกที่ชูมือเอาไว้บนหัวเหมือนว่าจะยอมจำนน ได้เอื้อมมือไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว มันกระชากเอาปืนพกของมันซึ่งเหน็บอยู่ข้างหลังอีกกระบอกหนึ่งออกมา แล้วลั่นไกไปทางคุณสมศักดิ์ทันที ทั้งหมวดชาญและคุณสมศักดิ์หมอบลงกับพื้น แต่ไม่ทันแล้ว
เสียงปืนระเบิดดังก้องขึ้นสองนัดพร้อมๆกัน กระสุนนัดหนึ่งที่ไอ้ผมหยิกยิงออกมานั้น เฉียดหัวคุณสมศักดิ์ไปนิดเดียวในขณะที่เขาหมอบอยู
ส่วนกระสุนอีกนัดหนึ่งนั้นพ่นออกมาจากปืนที่อินเดียถืออยู่ในมือนั่นเอง อินเดียกลั้นใจยิงในระยะประชิด
มันพุ่งเข้ากลางหลังของคนผมหยิกอย่างจัง ถึงกับผงะ
เลือดกระฉูดออกมาท่วมเสื้อ แล้วมันก็คว่ำหน้าลงไปกับพื้น แน่นิ่งไปอีกสักครู่วิญญาณของคนชั่วก็ออกจากร่าง
หมวดชาญรายงานทางวิทยุให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ต่อจากนั้นไม่นานก็มีรถตำรวจและรถพยาบาลเปิดไซเร็นวิ่งมาที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
มูลนิธิซึ่งอยู่ในเมืองได้ยินรายงานเรื่องเกิดยิงกันแล้วมีคนเสียชีวิต ก็เปิดไซเรนวิ่งกันมาเป็นขบวน
ที่โรงพัก สารวัตรใหญ่ให้สามพ่อแม่ลูกไปอาบน้ำของโรงพักเพราะเห็นว่ามอมแมมกันเหลือเกิน พ่อแม่ลูกเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จแล้ว ก็ออกมารับประทานอาหารที่สารวัตรใหญ่สั่งมาให้
ทุกคนดูสดชื่นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง หลังจากได้รับประทานอาหารไปแล้ว
“หมดเรื่องแล้ว แต่พวกคุณต้องอยู่ต่อก่อนนะครับ ผมต้องสอบสวนพวกคุณในฐานะผู้เสียหายเพื่อนำไปประกอบคดีเสียก่อน เพราะเรื่องนี้มีคนตายด้วยครับ ”
“ไม่เป็นไรครับจะอย่างไรก็ได้ครับ ” คุณสมศักดิ์บอก ยิ้มแย้มแจ่มใส แม้ว่าที่เหนือคิ้วจะมีรอยแตกและมีรอยขีดข่วนจากใบข้าวโพดอยู่ ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เจ็บปวดอะไรแล้ว
คุณสมศักดิ์ได้โทรไปหาคุณแม่ของคุณมาลีแล้ว ได้เล่าเหตุการณ์ต่างๆให้เขาฟัง ดูท่าทางคุณแม่ของคุณมาลีตกใจไม่น้อย และบอกว่าจะรีบเดินทางมาหาที่สถานีตำรวจ และคงจะมาถึงในไม่ช้านี้.
จบบริบูรณ์