เรารักสุพรรณ สถานที่ท่องเที่ยวสุพรรณบุรี

 

ค่ำคืนอันเลวร้าย 6
Patipat suwanmutcha

 

เสียงเท้าย่ำดังสวบสาบ ผ่านคุณสมศักดิ์ไปมา แต่ทั้งสองก็มองไม่เห็นเพราะความสลัวลางๆของบรรยากาศ ไฟฉายก็ไม่มี หรืออาจจะเป็นความรีบร้อนจึงมองดูเพียงลวกๆ

“เห็นไม๊มันหนีไปจนได้ ”
คนร่างสูงว่า แล้วมองไปทางถนนที่เขาเข้ามาเมื่อสักครู่ กวาดมองไปรอบๆเห็นมีแต่ พุ่มหญ้าและไร่ข้าวโพดไกลลิบๆสลัวๆ

ไอ้โล้นไม่ได้พูดอะไร พลางมองไปรอบๆบริเวณเช่นเดียวกัน แล้วก็นึกโกรธตัวเองด้วยที่ไม่ได้จัดการให้สิ้นเรื่อง
แล้วคิดว่าลูกพี่จะให้เอามาปล่อยทำไม ไม่ได้สั่งสักคำว่าให้ฆ่าเสียด้วย

ทั้งคู่ออกมาจากที่นั่นเมื่อเวลาผ่านไปนาน ถ้าช้านักอาจจะมีคนมาเห็นและสงสัยคนแปลกหน้าได้ ตอนนี้ก็เลยเที่ยงคืนมาแล้ว อีกไม่นานก็จะสว่างจะมีผู้คนชาวไร่ที่ทำไร่อยู่แถวนี้ผ่านเข้ามาดูไร่แล้ว

รถคันหนึ่งวิ่งตะบึงไปที่รถอีกคันหนึ่งที่จอดอยู่ คุณมาลีและลูกสาวเมื่อยเพลียมากที่สุดอยากจะงีบหลับสักหน่อยก็หลับไม่ลง

เธอขอร้องไอ้คนตัวเหม็นว่าไม่ต้องดับเครื่องยนต์ ให้ติดเครื่องไว้ แอร์รถจะได้ทำงาน อากาศจะได้ถูกฟอก ขับไล่ความร้อนและบรรเทาความเห็นอับไปได้ คนผมยาวเป็นกระเซิงก็ทำตามเพราะว่าตัวเองก็ร้อนเหมือนกัน

หิวก็หิวเพราะว่ายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เย็นมาแล้ว น้ำเปล่าขวดใหญ่ที่วางอยู่หลังเบาะคนขับมีหลายขวดที่ซื้อมาจากปั๊มข้างทาง คุณมาลีและอินเดียบุตรสาวก็ดื่มหลายครั้งแล้วเพื่อประทังความกระหาย

 

รถทั้งสองมาเจอกันแล้วก็ขับตามกันไป มุ่งหน้าเข้าไปตามเส้นทางถนนเล็กๆแต่ลาดยาง ซึ่งเป็นถนนระหว่างหมู่บ้านในชนบท

เวลาผ่านไปนานเป็นชั่วโมง รถทั้งสองคันที่วิ่งตามกันมา จึงเข้าเขตหมู่บ้านซึ่งเป็นชุมชนเล็กๆแห่งหนึ่ง แต่ไม่ใช่หมู่บ้านที่คุณยายของอินเดียอาศัยอยู่ เป็นอีกหมู่บ้านหนึ่งซึ่งเลยบ้านคุณยายมาไกลนัก

 

ก่อนจะเข้าไปในตัวหมู่บ้าน ข้างถนนทางด้านซ้ายมีทางลงเป็นสะพานไม้ทำด้วยท่อนซุง ข้ามลำธารเล็กๆ

ตรงนั้นเป็นลานกว้างข้างๆลานเป็นบ้านใหญ่หลังหนึ่งปลูกด้วยไม้ทั้งหลัง
เสาแต่ละต้นใหญ่โต โครงสร้างแข็งแรง มุงหลังคาด้วยสังกะสีที่มีสนิมเกรอะกรังและค่อนข้างจะผุพังแล้ว แสดงว่าที่นี่คงไม่ใช่บ้านที่อยู่อาศัยธรรมดา แต่คงเป็นโรงงานอะไรสักอย่างหนึ่งที่เปิดมานานหลายสิบปีแล้ว

รถทั้งสองคันวิ่งตามกันไปจอดที่บริเวณหน้าโรงงานแห่งนี้แล้วดับเครื่องยนต์ ข้างในที่คิดว่าเป็นโรงงานเงียบสงัดเหมือนไม่มีคนอยู่

 

“พวกมึงลงจากรถเดี๋ยวนี้เลย”

คนร่างสูงผมหยิกบอก พร้อมกับเอาปืนในมือกวัดแกว่งไปมา

“มึงจะเอากูไปไหน” คุณมาลีย้อนถาม มันหัวเราะร่า

“เอาเถอะลงมาก่อนเลย เดี๋ยวก็รู้เอง”

 

คุณมาลีและลูกอินเดียไม่อาจจะขัดขืนได้ ค่อยๆลงจากรถด้วยอาการกระปรกกระเปลี้ย มันทั้งสามคนคุมตัวหญิงทั้งสอง ดันหลังเข้าไปในโกดังนั้น

ข้างในโกดังมีทางเดินแคบๆ ระเกะระกะไปด้วยเครื่องยนต์เก่า อะไหล่ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์เก่าที่ถูกถอดออกแล้ว และเศษเหล็กวางสุมกันไว้ไม่เป็นระเบียบ

ที่แท้สถานที่แห่งนี้เป็นอู่ซ่อมรถขนาดใหญ่ ที่เคยเป็นที่ซ่อมรถสิบล้อ รถไถ รถต่างๆที่มีขนาดใหญ่ มีแม่แรงตัวใหญ่เก่าๆที่ติดไว้กับไม้คานขนาดใหญ่ มีโซ่ที่ใช้ยกของหนักๆขึ้นไปเพื่อซ่อม และได้ร้างไปแล้วนั่นเอง

 

เจ้าของคงย้ายไปที่อื่นแล้ว คงปล่อยให้ที่ตรงนี้รกร้างอยู่อย่างนั้น

ข้างในมีห้องเล็กๆเหมือนเป็นที่พักของคนงาน ในห้องสกปรกมีแต่ฝุ่นและหยากไย่ ซึ่งไม่มีคนมาพักประจำอยู่ที่นี่นานแล้ว มันบังคับให้สองแม่ลูกเข้าไปในนั้น

“ไอ้เตี้ยมึงไปเอาเชือกมามัดสองแม่ลูกนี้ให้แน่น อย่าให้มันหนีไปได้ ”

ไอ้เตี้ยที่มันเรียกก็คือคนที่ผมยาวสกปรกนั่นเอง ไอ้เตี้ยและไอ้โล้นจัดแจงเอาเชือกมามัดมือของทั้งสองไพล่หลัง แล้วผลักให้ล้มลงไปที่พื้นห้องสกปรกนั้น
คุณมาลีพยายามดิ้นขัดขืนแต่ ไอ้คนผมหยิกบอกว่า

 

“มึงอย่าขัดขืนเลยอย่างไรมึงก็ไม่รอดหรอก ถ้ามึงไม่ขัดขืนแล้วกูจะปราณีมึงบ้าง”

แล้วมันก็หายเงียบออกไปข้างนอก ปล่อยให้ทั้งสองคนแม่ลูกนอนอยู่ตรงนั้น

ก่อนที่พวกมันจะออกไป ไอ้ผมยาวจัดแจงเข้ามาปลดสร้อยคอ นาฬิกา และของมีค่าที่คุณมาลีและอินเดียติดตัวมาออกไปจนหมดสิ้น

โดยที่แม่ลูกทั้งสองขัดขืนไม่ได้ เพราะมีเชือกมัดข้อมือไพล่หลังอยู่ คุณมาลีและอินเดียร้องไห้ออกมาอีกด้วยความเจ็บใจ

“ไปที่รถมันกันเถอะ ไปค้นรถของมันว่าจะมีอะไรบ้าง” คนผมหยิกบอกพรรคพวก

คุณสมศักดิ์แอบอยู่ตรงพงหญ้าอีกพักหนึ่ง เมื่อเห็นรถของไอ้หัวโล้นวิ่งออกไปจากที่นั้นแล้ว ประเดี๋ยวเดียวแสงไฟหน้ารถก็หายไปจากสายตา

เขาจึงลุกขึ้นยืนด้วยความอ่อนแรง ถึงอย่างไรเขาก็ต้องแข็งใจเอาตัวรอดให้ได้ สถานที่นี้อยู่ตรงไหนเขายังไม่รู้เลย

คุณสมศักดิ์รวบรวมกำลังเท่าที่มีอยู่ ออกเดินอย่างระโหยไปทางถนนที่ไอ้โล้นพาเข้ามา แต่จะเดินสุ่มสี่สุ่มห้าตามถนนอย่างเดียวก็ไม่ได้ จำเป็นจะต้องบุกเข้าไปทางพุ่มหญ้าและฝ่าดงข้าวโพดไปบ้าง เผื่อว่าพวกนั้นจะย้อนกลับมาแล้วจะเห็นเขาเข้า

เดินทางอย่างนี้ล้มลุกคลุกคลาน เนื้อตัวมอมแมนเสื้อผ้าฉีกขาด ตามตัวและที่หน้าถูกใบข้าวโพดซึ่งสูงท่วมหัวบาดเอาเป็นรอย เลือดไหลซิบ

คิดถึงภรรยาและลูกแล้วถึงอย่างไรก็ต้องทน พยายามจะเอาตัวรอดออกไปจากไร่และแผ่นดินที่แห้งแล้งนี้ไปให้ได้

ฟ้าสางแล้ว เป็นเวลาหลายชั่วโมง ที่คุณสมศักดิ์ดั้นด้นมาหลงอยู่ตามเส้นทางและดงข้าวโพด จนกระทั่ง มองเห็นรั้วลวดหนามที่ชาวไร่มักจะขึงกั้นเขตที่ดินของเขา

คุณสมศักดิ์รวบรวมกำลังเดินออกไปที่มองเห็นแนวลวดหนามนั้น
เขามุดแนวลวดหนามด้วยการคลานออกมา เพราะว่าหมดแรงเสียแล้ว มุดออกมาได้แล้ว ข้างหน้าเป็นถนนลาดยาง ที่เมื่อคืนนี้รถสองคันวิ่งตามกันมานั่นเอง คลานมาถึงริมถนนแล้ว คุณสมศักดิ์ก็ฟุบลงหมดสติไปตรงนั้นนั่นเอง

พวกมันสามคนเดินไปที่รถของคุณสมศักดิ์ เปิดประตูรถทุกด้านแล้ว ดึงกระเป๋าใส่เสื้อผ้าและสัมภาระใบใหญ่สามใบลงมา

มันตรวจในรถจนทั่วแล้วเห็นว่าไม่มีอะไรนอกจากมีโทรศัพท์สองเครื่องของคุณสมศักดิ์และคุณมาลีคนละเครื่อง

ส่วนของอินเดียได้ตกลงไปที่พื้นในตอนที่โดนมันกระชากลงจากรถแล้ว และจะมีก็คันเบ็ดอีกสองคันซึ่งมันไม่เอา

มันหิ้วกระเป๋าสามใบนั้นเดินเข้าโกดังไป แล้วเปิดดูทุกกระเป๋า ในกระเป๋านั้นมีแต่เสื้อผ้าและเครื่องสำอางของผู้หญิง ไม่มีสมบัติมีค่าอะไร มันคว่ำเทกระเป๋าเขย่าเสื้อผ้าหล่นลงมากองที่พื้นเกลื่อน ซึ่งก็มีแต่เสื้อผ้าเท่านั้นเอง

“เฮ้อ.. ! จะปล้นรถสวยๆราคาแพงๆทั้งที แต่ไม่ได้อะไรเลย เสียเที่ยวชิบหาย ”

คนผมหยิกบ่น

 

แล้วมันสามคนก็มองหน้ากันว่าจะเอาอย่างไรดี มันคิดว่าไหนๆก็จับเจ้าของรถมาแล้วอย่างนี้ ก็จะข่มขืนมันเสียเลย ตามที่มันคิดไว้แต่แรก

จุดประสงค์ของพวกมันในครั้งนี้ จะปล้นแล้วข่มขืนเหยื่อนั่นเอง แต่ตอนนี้พวกมันใจเย็นอยู่ เพราะว่าถึงอย่างไรก็ต้องทำได้อยู่ดี ไม่มีทางที่สองแม่ลูกจะหนีไปไหนได้

ในตอนนี้ทั้งสองแม่ลูกสลบไปตั้งแต่มันมัดข้อมือแล้วผลักให้เข้าไปนอนในห้อง ทั้งสองแม่ลูกด้วยความอ่อนเพลีบจึงสิ้นสติหลับไป

พวกมันเห็นดังนั้นจึงยังไม่ได้ทำการอย่างไร จะรอให้สองคนนี้ตื่นเสียก่อน แล้วจึงจะลงมือบังคับข่มขืนเอาให้ได้

 

“ตอนนี้ก็ใกล้สว่างแล้ว ไอ้โล้นมึงขับรถเข้าตลาดไปซื้อข้าวปลาอาหารมากินกันก่อน ฟ้าสางแล้วอย่างนี้คงมีแม่ค้าออกมาขายแล้วละ ” ไอ้ผมหยิกที่เป็นหัวหน้าออกคำสั่ง

“เอาตังค์นี่ไป” มันพูดพร้อมกับล้วงเอากระเป๋าใส่เงินลูกหนึ่งออกมา พร้อมกับหยิบเอาเงินในกระเป๋านั้นมาใบหนึ่ง มันเป็นธนบัตรใหม่เอี่ยมใบละ 1,000 บาท

ซึ่งแท้ที่จริงแล้วกระเป๋าเงินใบนี้คือกระเป๋าของคุณสมศักดิ์นั่นเอง ในกระเป๋านั้นอัดแน่นไปด้วยธนบัตรใหม่ๆ น่าจะมีเงินมากจะกว่าหมื่นบาทด้วย

นอกจากนั้นก็มีบัตรเครดิตต่างๆเสียบเอาไว้อีก บัตรเหล่านี้คุณสมศักดิ์ต้องใช้เป็นประจำ คนผมหยิกมันยึดมาจากคุณสมศักดิ์ในตอนชุลมุนกันในตอนแรกนั่นเอง

ไอ้โล้นรับเงินแล้ว รีบบึ่งรถไปตลาดอย่างรวดเร็ว

ฟ้าเริ่มสางแล้วคุณสมศักดิ์ยังนอนสลบอยู่ตรงนั้น ไม่นานนักเสียงรถคันหนึ่งเป็นรถปิ๊กอั๊พเก่าๆควบปุเลงๆมาตามถนน มีคนนั่งมาด้วยสองคนเป็นผู้ชายหนึ่งและเป็นผู้หญิง อายุล่วงเข้าวัยเลยกลางคนแล้ว แต่งกายด้วยชุดชาวไร่ เมื่อวิ่งเข้ามาใกล้แล้วคนขับรถสังเกตเห็นว่ามีคนนอนอยู่ตรงริมถนน

“แม่มึงใครมานอนเมาอยู่ตรงนั้นเห็นไม๊ ”

เสียงผู้ชายพูดกับภรรยาของเขา คนทั้งสองนี้ในตอนเช้ามืดจะวิ่งรถไปดูไร่ของเขาหลายๆวันสักครั้งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไกลออกไปอีกและเขาผ่านทางนี้เป็นประจำ เพราะว่าไร่ข้าวโพดของเขาอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้มากนัก

“จอดดูหน่อยดีกว่าไม่รู้ว่าใคร ”

 

ชายคนนั้นชะลอรถแล้วจอดสนิทตรงที่คุณสมศักดิ์นอนอยู่ตรงนั้น เขาเห็นชัดว่าคนที่นอนอยู่นี้ไม่ใช่คนที่เขารู้จัก และไม่ใช่คนที่ทำไร่อยู่แถวนี้เลย เขารีบผลุนผลันลงจากรถทั้งสองคน ตรงเข้าไปยังที่คุณสมศักดิ์นอนอยู่ ก็เห็นคนที่นอนอยู่นั้นหายใจรวยรินอยู่

“ยังไม่ตายนี่” เสียงผู้ชายบอก

“ลองปลุกดูซิ ไม่รู้ว่ามาจากไหนจึงมานอนสลบอยู่ตรงนี้” เสียงผู้หญิงเอ่ยขึ้น

ทั้งสองรีบเข้าไปเขย่าพร้อมกับเรียกเสียงดัง เหมือนจะปลุกให้ตื่น
คุณสมศักดิ์สลบไปนานเริ่มกระดิกตัว ลืมตาขึ้นมาช้าๆ เห็นสองสามีภรรยาก็ทำท่าตกใจแล้วผลุดขึ้นนั่ง ชาวไร่ทั้งสองรีบเข้าไปประคองเอาไว้

“น้ำ น้ำ ผมขอน้ำกินหน่อย ”


คุณสมศักดิ์บอกด้วยเสียงแหบแห้งแทบจะไม่ได้ยินเสียง แต่ก็จับใจความได้

คนผู้ชายรีบไปเอาน้ำที่อยู่ในรถขวดใหญ่มาจ่อที่ปากคุณสมศักดิ์ เขารีบดื่มอย่างกระหายจนสมกับความอยาก ได้ดื่มน้ำเข้าไปแล้วคุณสมศักดิ์ก็อาการดีขึ้น

“ไปคุยกันในรถเถอะ คุณจะไปโรงพยาบาลไหม ผมจะไปส่ง ”

 

ชายหญิงคู่นั้นประคองคุณสมศักดิ์ขึ้นรถ โดยที่คุณสมศักดิ์ยังไม่ได้บอกอะไร ในขณะที่รถวิ่งไปชายคนนั้นก็สอบถามและคุยกับคุณสมศักดิ์ คุณสมศักดิ์ก็เล่าเรื่องราวให้ฟังจนหมด

“เมื่อไม่นานก็มีอย่างนี้รายหนึ่ง ตำรวจเขาสืบจับอยู่ จนป่านนี้คงยังไม่ได้ตัว ไม่รู้ว่าพวกคนร้ายมันมาจากไหน” คุณสมศักดิ์นั่งฟังนิ่ง

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกันคุณจะไปโรงพยาบาลหรือเปล่า ”

“ไม่ต้องก็ได้ ไปโรงพักเลยก็แล้วกันผมไม่เป็นอะไรแล้ว เพียงแต่เพลียเท่านั้น ”

 

คุณสมศักดิ์บอก ในใจนั้นก็คิดถึงภรรยาและลูก ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างและพวกมันจับทั้งสองนั้นไปที่ไหนก็ไม่รู้ จึงต้องพึ่งตำรวจเป็นอันดับแรก

เมื่อคุณสมศักดิ์ต้องการอย่างนั้นเขาจึงรีบบึ่งไปสถานีตำรวจทันที...