เรารักสุพรรณ สถานที่ท่องเที่ยวสุพรรณบุรี

 

ค่ำคืนอันเลวร้าย 7

Patipat suwanmutcha

ที่สถานีตำรวจ ซึ่งเป็นสถานีเล็กๆ เป็นสถานีตำรวจที่เป็นสาขาของสถานีที่อยู่ในตัวอำเภออีกทีหนึ่ง มีตำรวจประจำอยู่เพียงไม่กี่คน

รถจอดกึกที่หน้าสถานี ตอนนี้ฟ้าสว่างแล้ว มีตำรวจเดินอยู่หน้าสถานีสองสามคน ยังไม่มีคนพลุกพล่าน สถานีตำรวจที่เป็นสาขาก็เป็นอย่างนี้

ชายคนขับรถพยุงคุณสมศักดิ์ลงจากรถ แล้วตรงไปที่ห้องหัวหน้าตำรวจที่นี่ทันที เปิดประตูเข้าไปเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่

“มีอะไรหรือครับ” นายตำรวจหนุ่มซึ่งมียศเป็นพันตำรวจตรีเอ่ยปากถาม

“ผมขอมาแจ้งความครับ ”

 

นายตำรวจหนุ่มเชิญนั่ง แล้วเริ่มต้นสอบถามทันที คุณสมศักดิ์เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยละเอียด นายตำรวจหนุ่มรับทราบเรื่องแล้ว

“เอาอย่างนี้นะ คดีนี้ผมจะให้หมวดชาญรับผิดชอบไปก็แล้วกัน ” พร้อมตะโกนเรียกพลตำรวจคนหนึ่งให้ไปเรียกหมวดชาญมาหา

 

หมวดชาญนี้ก็คือ ร้อยตำรวจโทชาญชัยนั่นเอง เขามีอายุกว่า 55 ปีแล้ว เดิมทีก็เป็นตำรวจชั้นประทวนมียศเป็นนายดาบตำรวจ เขาทำงานอยู่ที่นี่หลายปีแล้ว

ต่อมามีการปรับยศให้ตำรวจเมื่อตำรวจนายใดที่มียศนายดาบและอายุได้ 53 ปีขึ้นไป ก็ได้ไปอบรมและได้เลื่อนยศเป็นนายร้อยตำรวจตรีทันที

ดังนั้นดาบตำรวจชาญจึงได้ปรับยศเป็นร้อยตำรวจตรีและอีกไม่นานต่อมาก็ได้ยศเป็นร้อยตำรวจโท จนกระทั่งเดี๋ยวนี้

นายร้อยโทชาญหรือหมวดชาญเดินอาดๆเข้ามาในห้องสารวัตรใหญ่ หมวดชาญรูปร่างสูงใหญ่ดูแข็งแกร่งยิ่งนัก

 

เขาทำความเคารพแล้วนั่งลงตรงหน้าสารวัตรใหญ่ เมื่อได้ฟังสารวัตรใหญ่เล่าเรื่องจนจบแล้วก็รีบดำเนินการทันที
ทั้งหมดเดินออกมาจากห้องสารวัตรใหญ่

“คุณยังจำสถานที่ๆเกิดเหตุได้หรือเปล่า ผมอยากให้คุณไปกับผม แล้วพาผมไปนะครับ” หมวดชาญบอกคุณสมศักดิ์

“ได้ซีครับ ผมจะพาคุณไปนะครับ ”

 

ตอนนี้ก็หมดธุระของชาวไร่สองผัวเมียนั่นแล้ว ก่อนจะแยกทางกันไปคุณสมศักดิ์ได้กล่าวขอบคุณอย่างมากมาย พร้อมกับถามชื่อและสถานที่อยู่เอาไว้

เผื่อในวันข้างหน้าจะได้ตอบแทนบุญคุณของเขาบ้าง คุณสมศักดิ์ก็บอกชื่อและสถานที่อยู่พร้อมทั้งบอกเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองให้เขาจดเอาไว้

“ผมลาละครับ ขอให้คุณโชคดีนะครับ”

ทั้งสองยกมือไหว้คุณสมศักดิ์ยกมือไหว้ตอบ แล้วทั้งสองคนก็ขึ้นรถขับออกไป

 

หมวดชาญเรียกสิบตำรวจโทอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นคู่หูให้ไปด้วยกัน จุดแรกที่จะไปนี้ คุณสมศักดิ์ให้ไปที่ถนนใหญ่ก่อน เพราะต้นเหตุเกิดที่ถนนใหญ่

หมวดชาญขับรถไม่นานก็ถึงถนนใหญ่ซึ่งคุณสมศักดิ์จำได้ว่าตรงนี้เองที่รถของเขาลงมาจอดข้างทางและรถของพวกผู้ร้ายก็มาจอดตรงนี้

ทั้งสามคนเดินสำรวจตรงนั้นครู่หนึ่งก็พบโทรศัพท์ของอินเดียตกอยู่ ซึ่งยืนยันได้ว่าเป็นตรงนี้จริงๆ

 

“เหตุแบบนี้เมื่ออาทิตย์ก่อนก็เกิดครั้งหนึ่งแล้ว แต่ยังสืบจับตัวไม่ได้ว่าเป็นใคร คงจะเป็นคนที่อื่นแน่นอน “ หมวดชาญบอก

“เดี๋ยวผมจะย้อนกลับไปที่ตลาด จะไปสืบหาเบาะแสร่องรอยอีกทีหนึ่ง” หมวดชาญว่า

ทั้งสามคนขับรถย้อนเข้าตลาดอีกครั้งหนึ่ง สายมากพอสมควร ทั้งสามคนคือคุณสมศักดิ์และตำรวจอีกสองคน ขับรถคุยกันมาเรื่อย แล้วก็ช่วยกันสอดส่ายสายตามองข้างถนนที่รถผ่านมาตลอดทาง

 

ใกล้ตลาดแล้วอีกไม่นานถนนเส้นนี้ก็จะวกกลับเข้าโรงพักตามเดิม รถกำลังจะวิ่งผ่านโกดังร้างเก่าๆ ซึ่งคิดว่าคงไม่มีคนอาศัยอยู่แล้ว ซึ่งหมวดชาญเห็นอยู่ทุกวัน

ฉับพลับสายตาของคุณสมศักดิ์เหลือบไปเห็นรถคันหนึ่ง ซึ่งจำได้ว่าเป็นรถของเขาเอง จอดคู่อยู่กับรถอีกคันหนึ่งซึ่งเป็นรถของพวกคนร้ายนั่นเอง

“หยุด หยุดก่อน ” คุณสมศักดิ์บอกหมวดชาญเสียงดังลั่น
“ผมเห็นรถของผมแล้ว จอดอยู่ตรงโกดังร้างนั่น”

หมวดชาญรีบเหยียบเบรกแล้วกลับรถทันทีเพราะว่ารถได้วิ่งเลยมาหน่อยหนึ่งแล้ว

 

“รถคุณก็จริง แต่พวกมันจะอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้” หมวดชาญสันนิษฐาน

“ถึงอย่างไรก็ต้องเข้าไปดู”

หมวดชาญเลี้ยวรถเข้าไปที่โกดังร้างนั้นทันที

“เตรียมอาวุธพร้อมนะหมู่” หมวดชาญบอกอีก
“ส่วนคุณไม่ต้องเข้าไปก็ได้ ถ้าพวกมันอยู่ก็อันตรายมากพวกมันต้องมีอาวุธแน่ๆ”

หมวดชาญหันมาบอกคุณสมศักดิ์
ตำรวจทั้งสองคนลงจากรถด้วยความระมัดระวัง

คุณมาลีพร้อมด้วยอินเดียลูกสาว พลิกฟื้นคืนสติขึ้นมาแล้ว เห็นไอ้สามคนกำลังนั่งสุมหัวกันอยู่เพื่อรอคอยนาทีอันสำคัญ มันคิดว่าถ้าสองคนแม่ลูกตื่นขึ้นมาแล้ว ก็จะทำการข่มขืนเสียให้หนำใจที่รอคอยเวลามานาน

คุณมาลีตื่นขึ้นมาแล้วที่ข้อมือทั้งสองข้างยังถูกมัดรวมกันอยู่จนรู้สึกเจ็บ

“ขอน้ำกินหน่อย” คุณมาลีส่งเสียงอันแผ่วเบาด้วยความอิดโรย

“เดี๋ยวกูเอาให้กิน” ไอ้หัวโล้นบอก พลางหยิบขวดน้ำมาตั้งไว้ตรงหน้า

“แล้วมึงมัดกูอย่างนี้แล้วกูจะกินยังไง มึงมาแก้มัดกูก่อน กูไม่มีปัญญาจะหนีไปไหนได้หรอก”

 

ไอ้ผมฟูแต่งตัวสกปรกเห็นลูกพี่ผมหยิกพยักหน้า มันถือมีดของมันมาตัดเชือกโดยดี

“มึงอย่าเล่นตลกก็แล้วกัน” คนผมหยิกร่างสูงสำทับ ซึ่งเห็นรูปการแล้วผู้หญิงทั้งสองคนนี้ไม่มีทางจะหนีไปไหนได้ เพราะว่ามันมีปืนของคุณสมศักดิ์อยู่ในมือ

“มึงเล่นตลกอะไรกูยิงทิ้งทันที” คนผมหยิกบอกอีก

 

ไอ้ผมยาวตัดเชือกที่ข้อมือคุณมาลีแล้วก็ตัดเชือกที่มัดข้อมือของอินเดียด้วย ทั้งสองดื่มน้ำอย่างกระหาย เสร็จแล้วไอ้หัวโล้นเข้ากอดคุณมาลีทันที ไอ้ผมยาวก็เข้ามากอดอินเดีย คิดว่าคราวนี้คงเสร็จมันแน่อย่างไม่ต้องสงสัย

ทั้งสองดิ้นและผลักไสอย่างไม่คิดชีวิต ไอ้หัวโล้นจับเสื้อคุณมาลีกระชากขาดหลุดออกมาทันที มองเห็นร่างที่ขาวและอวบ มันก็ยิ่งย่ามใจ

ส่วนคนผมหยิกร่างสูงนั่งมองอยู่โดยไม่ได้ลุกขึ้นมาร่วมวงแต่อย่างใด มันนั่งดื่มน้ำอย่างใจเย็น

 

เสียงคนก้าวสวบๆดังมาจากข้างนอก ได้ยินอย่างชัดเจน คนผมหยิกมองออกไปตามเสียงนั้น มองดูอยู่ครู่หนึ่ง จึงเห็นว่ามีรถอีกคันหนึ่งจอดอยู่ตรงข้างๆรถของคุณสมศักดิ์ ซึ่งในตอนแรกมันไม่ได้สนใจอะไรจึงไม่ได้ยินเสียง

มันพยายามมองให้ชัดอีกทีหนึ่ง ก็เห็นว่าเป็นรถสีเลือดหมู มีไฟสีแดงอยู่บนหลังคารถ ซึ่งเป็นรถตำรวจนั่นเอง

“พ่อมึงมาแล้ว กูบอกแล้วว่าอย่าปล่อยไอ้ผู้ชายเอาไว้ กูบอกแล้ว”

มันหันไปบอกลูกน้องทั้งสองคนที่กำลังจะทำการข่มขืนผู้หญิงสองคนอยู่

 

ทั้งสองคนหยุดลวนลามทันที กระโดดแผลวออกมาจากห้องเก่าๆนั้น มันวิ่งไปหยิบอาวุธปืนที่ซ่อนเอาไว้มาอยู่ในมือ

พร้อมกับได้ยินเสียงข้างนอกตะโกนเข้ามา คุณมาลีและอินเดียอกสั่นขวัญแขวน หลบไปกอดกันที่มุมห้อง ในตอนนี้เธออยากจะวิ่งหนีออกไปเสียเหลือเกิน แต่ก็ยังเกรงคนพวกนี้ที่มีอาวุธอยู่ในมือ แต่ก็คอยหาจังหวะอยู่

 

“พวกมึงเอามือขึ้นไว้ที่หัวแล้วเดินออกมามอบตัวเสียดีๆ เจ้าหน้าที่ล้อมเอาไว้หมดแล้ว ”

หมวดชาญตะโกนเข้าไป ทั้งๆที่ยังไม่เห็นตัวพวกมัน
สิบตำรวจโทอเนกค่อยๆหมอบคลานเข้าไปบังเครื่องรถยนต์เก่า ประทับปืนพร้อมยิง พลางสอดส่ายสายตาเข้าไปทางประตูในโกดัง

 

ในนาทีนี้คนหัวโล้นใจเต้นแทบคลั่ง มันคลานมาตรงประตูโกดังสอดส่ายดูทางด้านนอก เมื่อไม่เห็นมีใคร แล้วค่อยๆคลานเงียบกริบออกมาจากประตู

ในใจมันคงคิดอยากจะหนีแล้ว

สิบตำรวจโทอเนกซึ่งแอบดูอยู่เห็นแล้ว ก็ยังใจเย็นอยากจะให้มันมาใกล้ๆอีกสักหน่อย หมายใจจะจับเป็นให้ได้ เขาไม่ได้ผลีผลาม เพราะคิดว่าคงมีคนข้างในอีกอาจจะยิงสวนออกมาโดนเขาได้

หมวดชาญกำลังหมอบอยู่เห็นแล้ว ยกมือส่งสัญญาณห้ามลูกน้อง ในทำนองบอกให้ใจเย็นๆ เพราะคิดว่ายังมีคนผู้หญิงและเด็กอีกสองคนอยู่ในนั้น

เวลาผ่านไปไอ้โล้นหมอบคลานมาเรื่อยๆ โดยหารู้ไม่ว่ากำลังจะถึงสิบตำรวจโทอเนกอยู่แล้ว

“หยุดนะยกมือขึ้นเอาไว้บนหัวนอนคว่ำหน้าลง”

 

เสียงสิบตำรวจโทดังขึ้น ไอ้โล้นผลุดลุกขึ้นทันที เล็งปืนในมือตรงไปยังสิบตำรวจโทอเนก แล้วเหนี่ยวไก ก่อนที่กระสุนนัดนั้นจะพุ่งออกจากลำกล้อง สิบตำรวจโทกลิ้งออกจากวิถีกระสุน แล้วเหนี่ยวไกปืน M 16 ซึ่งเป็นปืนคู่มือยิงสวนไปเป็นชุดทันที กระสุนของไอ้โล้นจึงพลาด

เสียงแผดสนั่นของกระสุนของทั้งคู่ซึ่งยิงพร้อมกัน แล้วเสียงก็เงียบไป

ไอ้โล้นโดนกระสุนเข้าอย่างจังที่หน้าอก ผงะกระดอนไปล้มลงใกล้เครื่องยนต์เก่าที่อยู่ตรงนั้น หมดลมหายใจ

สิบตำรวจโทอเนกปลอดภัยจากการกลิ้งตัวหลบ แต่ก็ยังหมอบอยู่ตรงนั้นเพื่อดูเหตุการณ์ต่อไป

 

เสียงปืนดังสนั่นมาจากข้างนอก คนผมหยิกและคนผมยาวรู้ได้ทันทีว่า ต่อไปนี้ศึกใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว มันคิดว่าจะต้องได้เปรียบให้ได้ ทั้งสองคนรีบวิ่งไปที่คุณมาลีและอินเดียทันที ซึ่งเธอทั้งสองกำลังนั่งกอดกันกลมอยู่ที่มุมห้อง

คนร้ายทั้งสองวิ่งเข้าไปล๊อกคอหญิงทั้งสองเอาไว้เพื่อเอาเป็นตัวประกัน แล้วลากถูลู่ถูกังออกมาที่ประตูโกดัง

คุณมาลีและอินเดียพยายามดิ้น ยิ่งดิ้นเท่าไรมันก็เอาปืนกดที่คอเอาไว้จนเจ็บจึงหยุดดิ้น

 

คุณสมศักดิ์นั่งอยู่ในรถอดทนไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงปืน จึงลงจากรถแล้ววิ่งมาหมอบอยู่ข้างๆหมวดชาญ

สองคนนั้นล๊อคคอผู้หญิงออกมาคนละคน มายืนที่ประตูเพื่อให้คนข้างนอกได้เห็น

“เอาซีวะ มึงทำอะไรกูไม่ได้หรอก เห็นไหมถ้ามึงบุกเข้ามากูจะยิงอีผู้หญิงนี่ซะเลย”

“ปล่อยเขาดีกว่า ถึงอย่างไรพวกมึงก็ไม่รอดแล้ว” หมวดชาญตะโกนบอก

“พวกมึงตายไปคนหนึ่งแล้วรู้ไว้ซะด้วย” หมวดชาญตะโกนอีก

 

การเจรจาก็เริ่มขึ้น ความกดดันต่างๆถาโถมเข้ามาหาไอ้หยิก จนมันคิดอยากจะยอมจำนน มันคิดว่าพวกตำรวจก็คืบคลานใกล้เข้ามาแล้ว จะสู้หรือจะยอมมันคิดไม่ตก

ในที่สุดมันก็ยกมือเหมือนว่าจะยอมแพ้ให้เข้ามาจับได้ หมวดชาญเห็นดังนั้นก็คิดว่ามันคงยอมแพ้แน่นอนแล้ว จึงตะโกนสั่งให้มันทิ้งอาวุธ

ไอ้ผมยาวทิ้งอาวุธไปที่พื้นทันทีแล้วยกมือขึ้นไปบนหัวเป็นการยอมจำนน สิบตำรวจโทอเนกเข้าไปคุมตัวไว้แล้วใส่กุญแจมืออยู่ห่างๆ

 

ไอ้ผมหยิกก็ทิ้งอาวุธปืนของคุณสมศักดิ์ลงบนพื้นเช่นเดียวกัน ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง อินเดียรีบไปเก็บปืนของไอ้ผมยาวที่มันทิ้งลงที่พื้นมาถือไว้ แล้วมายืนอยู่ข้างหลังเสียร้าย

หมวดชาญและคุณสมศักดิ์วิ่งพรวดเข้ามา คุณสมศักดิ์วิ่งนำหน้าหมวดชาญหมายใจจะเข้ามาหาคุณมาลีซึ่งถูกปล่อยเป็นอิสระแล้ว

ทันใดนั้นไอ้ผมหยิกที่ชูมือเอาไว้บนหัวเหมือนว่าจะยอมจำนน ได้เอื้อมมือไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว มันกระชากเอาปืนพกของมันซึ่งเหน็บอยู่ข้างหลังอีกกระบอกหนึ่งออกมา แล้วลั่นไกไปทางคุณสมศักดิ์ทันที ทั้งหมวดชาญและคุณสมศักดิ์หมอบลงกับพื้น แต่ไม่ทันแล้ว

 

เสียงปืนระเบิดดังก้องขึ้นสองนัดพร้อมๆกัน กระสุนนัดหนึ่งที่ไอ้ผมหยิกยิงออกมานั้น เฉียดหัวคุณสมศักดิ์ไปนิดเดียวในขณะที่เขาหมอบอยู

ส่วนกระสุนอีกนัดหนึ่งนั้นพ่นออกมาจากปืนที่อินเดียถืออยู่ในมือนั่นเอง อินเดียกลั้นใจยิงในระยะประชิด
มันพุ่งเข้ากลางหลังของคนผมหยิกอย่างจัง ถึงกับผงะ

 

เลือดกระฉูดออกมาท่วมเสื้อ แล้วมันก็คว่ำหน้าลงไปกับพื้น แน่นิ่งไปอีกสักครู่วิญญาณของคนชั่วก็ออกจากร่าง

หมวดชาญรายงานทางวิทยุให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ต่อจากนั้นไม่นานก็มีรถตำรวจและรถพยาบาลเปิดไซเร็นวิ่งมาที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว

มูลนิธิซึ่งอยู่ในเมืองได้ยินรายงานเรื่องเกิดยิงกันแล้วมีคนเสียชีวิต ก็เปิดไซเรนวิ่งกันมาเป็นขบวน

ที่โรงพัก สารวัตรใหญ่ให้สามพ่อแม่ลูกไปอาบน้ำของโรงพักเพราะเห็นว่ามอมแมมกันเหลือเกิน พ่อแม่ลูกเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จแล้ว ก็ออกมารับประทานอาหารที่สารวัตรใหญ่สั่งมาให้
ทุกคนดูสดชื่นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง หลังจากได้รับประทานอาหารไปแล้ว

 

“หมดเรื่องแล้ว แต่พวกคุณต้องอยู่ต่อก่อนนะครับ ผมต้องสอบสวนพวกคุณในฐานะผู้เสียหายเพื่อนำไปประกอบคดีเสียก่อน เพราะเรื่องนี้มีคนตายด้วยครับ ”

“ไม่เป็นไรครับจะอย่างไรก็ได้ครับ ” คุณสมศักดิ์บอก ยิ้มแย้มแจ่มใส แม้ว่าที่เหนือคิ้วจะมีรอยแตกและมีรอยขีดข่วนจากใบข้าวโพดอยู่ ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เจ็บปวดอะไรแล้ว

 

คุณสมศักดิ์ได้โทรไปหาคุณแม่ของคุณมาลีแล้ว ได้เล่าเหตุการณ์ต่างๆให้เขาฟัง ดูท่าทางคุณแม่ของคุณมาลีตกใจไม่น้อย และบอกว่าจะรีบเดินทางมาหาที่สถานีตำรวจ และคงจะมาถึงในไม่ช้านี้.

 จบบริบูรณ์

 

 

ค่ำคืนอันเลวร้าย 6
Patipat suwanmutcha

 

เสียงเท้าย่ำดังสวบสาบ ผ่านคุณสมศักดิ์ไปมา แต่ทั้งสองก็มองไม่เห็นเพราะความสลัวลางๆของบรรยากาศ ไฟฉายก็ไม่มี หรืออาจจะเป็นความรีบร้อนจึงมองดูเพียงลวกๆ

“เห็นไม๊มันหนีไปจนได้ ”
คนร่างสูงว่า แล้วมองไปทางถนนที่เขาเข้ามาเมื่อสักครู่ กวาดมองไปรอบๆเห็นมีแต่ พุ่มหญ้าและไร่ข้าวโพดไกลลิบๆสลัวๆ

ไอ้โล้นไม่ได้พูดอะไร พลางมองไปรอบๆบริเวณเช่นเดียวกัน แล้วก็นึกโกรธตัวเองด้วยที่ไม่ได้จัดการให้สิ้นเรื่อง
แล้วคิดว่าลูกพี่จะให้เอามาปล่อยทำไม ไม่ได้สั่งสักคำว่าให้ฆ่าเสียด้วย

ทั้งคู่ออกมาจากที่นั่นเมื่อเวลาผ่านไปนาน ถ้าช้านักอาจจะมีคนมาเห็นและสงสัยคนแปลกหน้าได้ ตอนนี้ก็เลยเที่ยงคืนมาแล้ว อีกไม่นานก็จะสว่างจะมีผู้คนชาวไร่ที่ทำไร่อยู่แถวนี้ผ่านเข้ามาดูไร่แล้ว

รถคันหนึ่งวิ่งตะบึงไปที่รถอีกคันหนึ่งที่จอดอยู่ คุณมาลีและลูกสาวเมื่อยเพลียมากที่สุดอยากจะงีบหลับสักหน่อยก็หลับไม่ลง

เธอขอร้องไอ้คนตัวเหม็นว่าไม่ต้องดับเครื่องยนต์ ให้ติดเครื่องไว้ แอร์รถจะได้ทำงาน อากาศจะได้ถูกฟอก ขับไล่ความร้อนและบรรเทาความเห็นอับไปได้ คนผมยาวเป็นกระเซิงก็ทำตามเพราะว่าตัวเองก็ร้อนเหมือนกัน

หิวก็หิวเพราะว่ายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เย็นมาแล้ว น้ำเปล่าขวดใหญ่ที่วางอยู่หลังเบาะคนขับมีหลายขวดที่ซื้อมาจากปั๊มข้างทาง คุณมาลีและอินเดียบุตรสาวก็ดื่มหลายครั้งแล้วเพื่อประทังความกระหาย

 

รถทั้งสองมาเจอกันแล้วก็ขับตามกันไป มุ่งหน้าเข้าไปตามเส้นทางถนนเล็กๆแต่ลาดยาง ซึ่งเป็นถนนระหว่างหมู่บ้านในชนบท

เวลาผ่านไปนานเป็นชั่วโมง รถทั้งสองคันที่วิ่งตามกันมา จึงเข้าเขตหมู่บ้านซึ่งเป็นชุมชนเล็กๆแห่งหนึ่ง แต่ไม่ใช่หมู่บ้านที่คุณยายของอินเดียอาศัยอยู่ เป็นอีกหมู่บ้านหนึ่งซึ่งเลยบ้านคุณยายมาไกลนัก

 

ก่อนจะเข้าไปในตัวหมู่บ้าน ข้างถนนทางด้านซ้ายมีทางลงเป็นสะพานไม้ทำด้วยท่อนซุง ข้ามลำธารเล็กๆ

ตรงนั้นเป็นลานกว้างข้างๆลานเป็นบ้านใหญ่หลังหนึ่งปลูกด้วยไม้ทั้งหลัง
เสาแต่ละต้นใหญ่โต โครงสร้างแข็งแรง มุงหลังคาด้วยสังกะสีที่มีสนิมเกรอะกรังและค่อนข้างจะผุพังแล้ว แสดงว่าที่นี่คงไม่ใช่บ้านที่อยู่อาศัยธรรมดา แต่คงเป็นโรงงานอะไรสักอย่างหนึ่งที่เปิดมานานหลายสิบปีแล้ว

รถทั้งสองคันวิ่งตามกันไปจอดที่บริเวณหน้าโรงงานแห่งนี้แล้วดับเครื่องยนต์ ข้างในที่คิดว่าเป็นโรงงานเงียบสงัดเหมือนไม่มีคนอยู่

 

“พวกมึงลงจากรถเดี๋ยวนี้เลย”

คนร่างสูงผมหยิกบอก พร้อมกับเอาปืนในมือกวัดแกว่งไปมา

“มึงจะเอากูไปไหน” คุณมาลีย้อนถาม มันหัวเราะร่า

“เอาเถอะลงมาก่อนเลย เดี๋ยวก็รู้เอง”

 

คุณมาลีและลูกอินเดียไม่อาจจะขัดขืนได้ ค่อยๆลงจากรถด้วยอาการกระปรกกระเปลี้ย มันทั้งสามคนคุมตัวหญิงทั้งสอง ดันหลังเข้าไปในโกดังนั้น

ข้างในโกดังมีทางเดินแคบๆ ระเกะระกะไปด้วยเครื่องยนต์เก่า อะไหล่ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์เก่าที่ถูกถอดออกแล้ว และเศษเหล็กวางสุมกันไว้ไม่เป็นระเบียบ

ที่แท้สถานที่แห่งนี้เป็นอู่ซ่อมรถขนาดใหญ่ ที่เคยเป็นที่ซ่อมรถสิบล้อ รถไถ รถต่างๆที่มีขนาดใหญ่ มีแม่แรงตัวใหญ่เก่าๆที่ติดไว้กับไม้คานขนาดใหญ่ มีโซ่ที่ใช้ยกของหนักๆขึ้นไปเพื่อซ่อม และได้ร้างไปแล้วนั่นเอง

 

เจ้าของคงย้ายไปที่อื่นแล้ว คงปล่อยให้ที่ตรงนี้รกร้างอยู่อย่างนั้น

ข้างในมีห้องเล็กๆเหมือนเป็นที่พักของคนงาน ในห้องสกปรกมีแต่ฝุ่นและหยากไย่ ซึ่งไม่มีคนมาพักประจำอยู่ที่นี่นานแล้ว มันบังคับให้สองแม่ลูกเข้าไปในนั้น

“ไอ้เตี้ยมึงไปเอาเชือกมามัดสองแม่ลูกนี้ให้แน่น อย่าให้มันหนีไปได้ ”

ไอ้เตี้ยที่มันเรียกก็คือคนที่ผมยาวสกปรกนั่นเอง ไอ้เตี้ยและไอ้โล้นจัดแจงเอาเชือกมามัดมือของทั้งสองไพล่หลัง แล้วผลักให้ล้มลงไปที่พื้นห้องสกปรกนั้น
คุณมาลีพยายามดิ้นขัดขืนแต่ ไอ้คนผมหยิกบอกว่า

 

“มึงอย่าขัดขืนเลยอย่างไรมึงก็ไม่รอดหรอก ถ้ามึงไม่ขัดขืนแล้วกูจะปราณีมึงบ้าง”

แล้วมันก็หายเงียบออกไปข้างนอก ปล่อยให้ทั้งสองคนแม่ลูกนอนอยู่ตรงนั้น

ก่อนที่พวกมันจะออกไป ไอ้ผมยาวจัดแจงเข้ามาปลดสร้อยคอ นาฬิกา และของมีค่าที่คุณมาลีและอินเดียติดตัวมาออกไปจนหมดสิ้น

โดยที่แม่ลูกทั้งสองขัดขืนไม่ได้ เพราะมีเชือกมัดข้อมือไพล่หลังอยู่ คุณมาลีและอินเดียร้องไห้ออกมาอีกด้วยความเจ็บใจ

“ไปที่รถมันกันเถอะ ไปค้นรถของมันว่าจะมีอะไรบ้าง” คนผมหยิกบอกพรรคพวก

คุณสมศักดิ์แอบอยู่ตรงพงหญ้าอีกพักหนึ่ง เมื่อเห็นรถของไอ้หัวโล้นวิ่งออกไปจากที่นั้นแล้ว ประเดี๋ยวเดียวแสงไฟหน้ารถก็หายไปจากสายตา

เขาจึงลุกขึ้นยืนด้วยความอ่อนแรง ถึงอย่างไรเขาก็ต้องแข็งใจเอาตัวรอดให้ได้ สถานที่นี้อยู่ตรงไหนเขายังไม่รู้เลย

คุณสมศักดิ์รวบรวมกำลังเท่าที่มีอยู่ ออกเดินอย่างระโหยไปทางถนนที่ไอ้โล้นพาเข้ามา แต่จะเดินสุ่มสี่สุ่มห้าตามถนนอย่างเดียวก็ไม่ได้ จำเป็นจะต้องบุกเข้าไปทางพุ่มหญ้าและฝ่าดงข้าวโพดไปบ้าง เผื่อว่าพวกนั้นจะย้อนกลับมาแล้วจะเห็นเขาเข้า

เดินทางอย่างนี้ล้มลุกคลุกคลาน เนื้อตัวมอมแมนเสื้อผ้าฉีกขาด ตามตัวและที่หน้าถูกใบข้าวโพดซึ่งสูงท่วมหัวบาดเอาเป็นรอย เลือดไหลซิบ

คิดถึงภรรยาและลูกแล้วถึงอย่างไรก็ต้องทน พยายามจะเอาตัวรอดออกไปจากไร่และแผ่นดินที่แห้งแล้งนี้ไปให้ได้

ฟ้าสางแล้ว เป็นเวลาหลายชั่วโมง ที่คุณสมศักดิ์ดั้นด้นมาหลงอยู่ตามเส้นทางและดงข้าวโพด จนกระทั่ง มองเห็นรั้วลวดหนามที่ชาวไร่มักจะขึงกั้นเขตที่ดินของเขา

คุณสมศักดิ์รวบรวมกำลังเดินออกไปที่มองเห็นแนวลวดหนามนั้น
เขามุดแนวลวดหนามด้วยการคลานออกมา เพราะว่าหมดแรงเสียแล้ว มุดออกมาได้แล้ว ข้างหน้าเป็นถนนลาดยาง ที่เมื่อคืนนี้รถสองคันวิ่งตามกันมานั่นเอง คลานมาถึงริมถนนแล้ว คุณสมศักดิ์ก็ฟุบลงหมดสติไปตรงนั้นนั่นเอง

พวกมันสามคนเดินไปที่รถของคุณสมศักดิ์ เปิดประตูรถทุกด้านแล้ว ดึงกระเป๋าใส่เสื้อผ้าและสัมภาระใบใหญ่สามใบลงมา

มันตรวจในรถจนทั่วแล้วเห็นว่าไม่มีอะไรนอกจากมีโทรศัพท์สองเครื่องของคุณสมศักดิ์และคุณมาลีคนละเครื่อง

ส่วนของอินเดียได้ตกลงไปที่พื้นในตอนที่โดนมันกระชากลงจากรถแล้ว และจะมีก็คันเบ็ดอีกสองคันซึ่งมันไม่เอา

มันหิ้วกระเป๋าสามใบนั้นเดินเข้าโกดังไป แล้วเปิดดูทุกกระเป๋า ในกระเป๋านั้นมีแต่เสื้อผ้าและเครื่องสำอางของผู้หญิง ไม่มีสมบัติมีค่าอะไร มันคว่ำเทกระเป๋าเขย่าเสื้อผ้าหล่นลงมากองที่พื้นเกลื่อน ซึ่งก็มีแต่เสื้อผ้าเท่านั้นเอง

“เฮ้อ.. ! จะปล้นรถสวยๆราคาแพงๆทั้งที แต่ไม่ได้อะไรเลย เสียเที่ยวชิบหาย ”

คนผมหยิกบ่น

 

แล้วมันสามคนก็มองหน้ากันว่าจะเอาอย่างไรดี มันคิดว่าไหนๆก็จับเจ้าของรถมาแล้วอย่างนี้ ก็จะข่มขืนมันเสียเลย ตามที่มันคิดไว้แต่แรก

จุดประสงค์ของพวกมันในครั้งนี้ จะปล้นแล้วข่มขืนเหยื่อนั่นเอง แต่ตอนนี้พวกมันใจเย็นอยู่ เพราะว่าถึงอย่างไรก็ต้องทำได้อยู่ดี ไม่มีทางที่สองแม่ลูกจะหนีไปไหนได้

ในตอนนี้ทั้งสองแม่ลูกสลบไปตั้งแต่มันมัดข้อมือแล้วผลักให้เข้าไปนอนในห้อง ทั้งสองแม่ลูกด้วยความอ่อนเพลีบจึงสิ้นสติหลับไป

พวกมันเห็นดังนั้นจึงยังไม่ได้ทำการอย่างไร จะรอให้สองคนนี้ตื่นเสียก่อน แล้วจึงจะลงมือบังคับข่มขืนเอาให้ได้

 

“ตอนนี้ก็ใกล้สว่างแล้ว ไอ้โล้นมึงขับรถเข้าตลาดไปซื้อข้าวปลาอาหารมากินกันก่อน ฟ้าสางแล้วอย่างนี้คงมีแม่ค้าออกมาขายแล้วละ ” ไอ้ผมหยิกที่เป็นหัวหน้าออกคำสั่ง

“เอาตังค์นี่ไป” มันพูดพร้อมกับล้วงเอากระเป๋าใส่เงินลูกหนึ่งออกมา พร้อมกับหยิบเอาเงินในกระเป๋านั้นมาใบหนึ่ง มันเป็นธนบัตรใหม่เอี่ยมใบละ 1,000 บาท

ซึ่งแท้ที่จริงแล้วกระเป๋าเงินใบนี้คือกระเป๋าของคุณสมศักดิ์นั่นเอง ในกระเป๋านั้นอัดแน่นไปด้วยธนบัตรใหม่ๆ น่าจะมีเงินมากจะกว่าหมื่นบาทด้วย

นอกจากนั้นก็มีบัตรเครดิตต่างๆเสียบเอาไว้อีก บัตรเหล่านี้คุณสมศักดิ์ต้องใช้เป็นประจำ คนผมหยิกมันยึดมาจากคุณสมศักดิ์ในตอนชุลมุนกันในตอนแรกนั่นเอง

ไอ้โล้นรับเงินแล้ว รีบบึ่งรถไปตลาดอย่างรวดเร็ว

ฟ้าเริ่มสางแล้วคุณสมศักดิ์ยังนอนสลบอยู่ตรงนั้น ไม่นานนักเสียงรถคันหนึ่งเป็นรถปิ๊กอั๊พเก่าๆควบปุเลงๆมาตามถนน มีคนนั่งมาด้วยสองคนเป็นผู้ชายหนึ่งและเป็นผู้หญิง อายุล่วงเข้าวัยเลยกลางคนแล้ว แต่งกายด้วยชุดชาวไร่ เมื่อวิ่งเข้ามาใกล้แล้วคนขับรถสังเกตเห็นว่ามีคนนอนอยู่ตรงริมถนน

“แม่มึงใครมานอนเมาอยู่ตรงนั้นเห็นไม๊ ”

เสียงผู้ชายพูดกับภรรยาของเขา คนทั้งสองนี้ในตอนเช้ามืดจะวิ่งรถไปดูไร่ของเขาหลายๆวันสักครั้งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไกลออกไปอีกและเขาผ่านทางนี้เป็นประจำ เพราะว่าไร่ข้าวโพดของเขาอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้มากนัก

“จอดดูหน่อยดีกว่าไม่รู้ว่าใคร ”

 

ชายคนนั้นชะลอรถแล้วจอดสนิทตรงที่คุณสมศักดิ์นอนอยู่ตรงนั้น เขาเห็นชัดว่าคนที่นอนอยู่นี้ไม่ใช่คนที่เขารู้จัก และไม่ใช่คนที่ทำไร่อยู่แถวนี้เลย เขารีบผลุนผลันลงจากรถทั้งสองคน ตรงเข้าไปยังที่คุณสมศักดิ์นอนอยู่ ก็เห็นคนที่นอนอยู่นั้นหายใจรวยรินอยู่

“ยังไม่ตายนี่” เสียงผู้ชายบอก

“ลองปลุกดูซิ ไม่รู้ว่ามาจากไหนจึงมานอนสลบอยู่ตรงนี้” เสียงผู้หญิงเอ่ยขึ้น

ทั้งสองรีบเข้าไปเขย่าพร้อมกับเรียกเสียงดัง เหมือนจะปลุกให้ตื่น
คุณสมศักดิ์สลบไปนานเริ่มกระดิกตัว ลืมตาขึ้นมาช้าๆ เห็นสองสามีภรรยาก็ทำท่าตกใจแล้วผลุดขึ้นนั่ง ชาวไร่ทั้งสองรีบเข้าไปประคองเอาไว้

“น้ำ น้ำ ผมขอน้ำกินหน่อย ”


คุณสมศักดิ์บอกด้วยเสียงแหบแห้งแทบจะไม่ได้ยินเสียง แต่ก็จับใจความได้

คนผู้ชายรีบไปเอาน้ำที่อยู่ในรถขวดใหญ่มาจ่อที่ปากคุณสมศักดิ์ เขารีบดื่มอย่างกระหายจนสมกับความอยาก ได้ดื่มน้ำเข้าไปแล้วคุณสมศักดิ์ก็อาการดีขึ้น

“ไปคุยกันในรถเถอะ คุณจะไปโรงพยาบาลไหม ผมจะไปส่ง ”

 

ชายหญิงคู่นั้นประคองคุณสมศักดิ์ขึ้นรถ โดยที่คุณสมศักดิ์ยังไม่ได้บอกอะไร ในขณะที่รถวิ่งไปชายคนนั้นก็สอบถามและคุยกับคุณสมศักดิ์ คุณสมศักดิ์ก็เล่าเรื่องราวให้ฟังจนหมด

“เมื่อไม่นานก็มีอย่างนี้รายหนึ่ง ตำรวจเขาสืบจับอยู่ จนป่านนี้คงยังไม่ได้ตัว ไม่รู้ว่าพวกคนร้ายมันมาจากไหน” คุณสมศักดิ์นั่งฟังนิ่ง

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกันคุณจะไปโรงพยาบาลหรือเปล่า ”

“ไม่ต้องก็ได้ ไปโรงพักเลยก็แล้วกันผมไม่เป็นอะไรแล้ว เพียงแต่เพลียเท่านั้น ”

 

คุณสมศักดิ์บอก ในใจนั้นก็คิดถึงภรรยาและลูก ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างและพวกมันจับทั้งสองนั้นไปที่ไหนก็ไม่รู้ จึงต้องพึ่งตำรวจเป็นอันดับแรก

เมื่อคุณสมศักดิ์ต้องการอย่างนั้นเขาจึงรีบบึ่งไปสถานีตำรวจทันที...

 

 

ค่ำคืนอันเลวร้าย 5
เขียนโดย Patipat suwanmutcha

 

ไอ้หัวโล้นยังขับตะบึงไปข้างหน้าท่ามกลางอากาศที่มืด คุณสมศักดิ์นั่งด้วยใจระทึก
พยายามจะแย่งพวงมาลัยเพื่อให้มันหยุดรถก็ไม่สำเร็จ กลับถูกไอ้โล้นฟาดหน้าเอาหลายครั้ง ทำให้แผลที่หน้าที่กำลังแห้งเลือดซึมออกมาอีกครั้ง

“จะไหนกันนี่ แล้วเขาจะพาลูกเมียผมไปไหน ”

 

คุณสมศักดิ์ถามคนขับหลายครั้งซ้ำๆ ไอ้โล้นไม่ตอบแต่ชักมีดปลายแหลมจากเอวมาขู่บอกว่าอย่าถาม ถึงขั้นนี้แล้วคุณสมศักดิ์ก็ต้องนิ่งเงียบ ไม่กล้าหือขึ้นมาอีก

รถวิ่งตะลุยผ่านไร่ข้าวโพด ไร่อ้อย บางแห่งก็เป็นพื้นที่ไม่ได้ปลูกอะไร จึงมีหญ้าขึ้นรกในบริเวณที่ว่างเปล่านี้

รถวิ่งเข้ามาในไร่นานพอสมควร ประมาณ 10 กิโลเมตรเห็นจะได้ ไฟหน้ารถส่องสว่างทำให้เห็นข้างหน้าเป็นบึงน้ำใหญ่มีน้ำเต็มบึง คลื่นวิ่งเป็นระลอกตามแรงลม

ไอ้โล้นวิ่งรถเข้าไปชะลอช้าๆริมบึงน้ำนั้น ทางเส้นนี้จากบึงน้ำก็ยังมีทางลัดเลาะไปตามริมบึงอีกแต่จะไปถึงที่ไหนคุณสมศักดิ์ไม่รู้เลย

รถจอดสนิทตรงริมบึงโดยไม่ได้ไปต่อ และไม่ได้ดับเครื่องยนต์ ซึ่งครางอยู่เบาๆ

 

ไอ้โล้นเปิดประตูด้านคนขับ แล้วก้าวสวบๆอ้อมหน้ารถไปยังด้านที่คุณสมศักดิ์นั่งนิ่งอยู่

“มึงลงตรงนี้เลย กูไม่อยากไปส่งที่บ้านญาติมึงแล้ว”

“อ้าวทำไมล่ะ คุณจะมาปล่อยผมตรงนี้ไม่ได้นะ ”

“ได้ซี๊ ใช่กูมาปล่อยมึงไว้ให้ตายอยู่ตรงนี้แหละ มึงไม่มีทางจะกลับถูกหรอก หรืออาจจะฝ่าดงข้าวโพดดงมันสำปะหลังไม่ไหว หมดแรงตายในไร่นั่นแหละ ลงมา ลงมา ”

มันตวาดพร้อมกับกำมีดปลายแหลมในมือแน่น พร้อมกับกระชากประตูรถ แต่ก็ไม่ออกเพราะว่าข้างในประตูยังติดล๊อกอยู่
คุณสมศักดิ์กลัวก็กลัวแต่ในสภาพอย่างนี้ต้องฮึดและใจต้องสู้กันก่อนแล้ว
คุณสมศักดิ์คิดในใจ ถ้าเราไม่เปิดประตูลงไป ไอ้โล้นคนนี้มันก็จะอ้อมไปขึ้นทางด้านคนขับ แล้วอาจจะเข้ามาแทงเราจนตายได้ สู้ลงไปดีกว่า ถ้าสบโอกาสอาจจะมีทางรอดได้บ้าง

 

จริงอย่างที่คุณสมศักดิ์คิด ไอ้โล้นเห็นว่าคุณสมศักดิ์ไม่ยอมเปิดประตูแน่แล้ว จึงเดินอ้อมมาทางด้านคนขับ แล้วมันก็จัดแจงจะมุดเข้าประตูจับคุณสมศักดิ์ทางนั้น

แต่ยังไม่ทันที่มันจะมุดเข้าไป คุณสมศักดิ์ก็เปิดประตูพรวดออกไป แต่คุณสมศักดิ์ก็เคลื่อนไหวได้ไม่เร็วมากเพราะหมดแรง และปวดชายโครงที่โดนซ้อมมา เจ็บเสียวชายโครงไปหมด

ไอ้โล้นเห็นดังนั้นจึงอ้อมกลับมาอย่างรวดเร็ว ในมือกำมีดปลายแหลมแน่น ถึงตัวคุณสมศักดิ์แล้วมันเตะโครมเข้าที่หน้าอกเสียงดังสนั่น

คุณสมศักดิ์ล้มลงจุกแน่นหน้ามืดนอนตะแคงแล้วก็หมดสติไป อยู่ตรงป่าหญ้าข้างบึงน้ำนั่นเอง

เหตุการณ์ต่อจากนั้นคุณสมศักดิ์จึงไม่รู้อะไรทั้งสิ้น

 

เป็นเวลานานพอสมควร คุณสมศักดิ์ถึงจะรู้สึกตัวค่อยๆฟื้นขึ้นมา กระดิกตัวแล้วค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง มองไปรอบๆบริเวณอากาศยังมืดมิด บนท้องฟ้ามีดาวขึ้นเกลื่อนทั้งท้องฟ้า จึงทำให้มองเห็นอะไรอย่างจางๆได้บ้าง

มองไปไกลไม่เห็นมีแสงไฟจากบ้านคนเลย พื้นที่อันกว้างใหญ่นี้เป็นแต่เรือกสวน และไร่อ้อย ไร่ข้าวโพด

ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นเวลาเท่าไรแล้ว นาฬิกาที่ข้อมือก็หลุดหายไปตอนที่ชุลมุนแย่งปืนกันกับคนผมหยิกร่างสูง แล้วมันก็แย่งปืนไป

ครั้งสุดท้ายก่อนที่คุณสมศักดิ์จะหมดสติไป เขาจำได้ว่าเขานั่งรถมากับไอ้โล้น มาถึงตรงขอบบึงใหญ่นี้แล้วโดนมันทำร้ายถึงกับหมดสติลงไปตรงดงหญ้า

เขาคิดว่าทำไมไอ้โล้นจึงไม่ฆ่าเขา ปล่อยให้เขามานอนหลับอยู่ตรงนี้ หรือว่ามันคงคิดว่าเขาตายไปแล้วก็อาจเป็นได้ จึงได้รีบหนีไป หรืออะไร อะไร อะไร คุณสมศักดิ์พยายามคิดหลายตลบ

 

จะอย่างไรก็ตามคุณสมศักดิ์ก็ถูกมันปล่อยไว้ตรงนี้แล้ว และโชคดีที่เขายังไม่ตาย แต่ในตอนข้างหน้าจะโชคร้ายหรือเปล่าก็ไม่รู้

คุณสมศักดิ์คิดวนไปเวียนมาหลายตลบ ทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา แล้วก็คิดถึงภรรยาและลูก ป่านนี้พวกมันจะพาไปไหนแล้ว เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ ยิ่งคิดก็ยิ่งช้ำชอกใจ อารมณ์โกรธพลุ่งพล่านขึ้นมา เขากำหมัดแน่นคิดว่าถ้ารอดไปได้จะตามล่ามันอย่างถึงที่สุด

 

ฝ่ายรถของคุณสมศักดิ์ที่คุณมาลีกับอินเดียลูกสาวนั่งมาด้วยนั้น คนผมหยิกร่างสูง ผิวขาว เป็นคนขับ คนที่ผมยาวเป็นกระเซิงร่างเตี้ยผิวคล้ำ สวมเสื้อผ้าแบบชุดฝึกของทหาร แถมยังใส่รองเท้าบู๊ท คอมแบทของทหารอีกด้วย เนื้อตัวเหม็นสกปรก นั่งคู่กับคนขับ

ทั้งสองคนชั่วสารเลว ไม่ได้คุยกันมาเลยตลอดทาง บางครั้งคนหนึ่งก็หันมาตวาดเสียงดังกับคุณมาลีที่พูดด่าทอมันตลอดเวลา

หลังจากรถของไอ้โล้นกับคุณสมศักดิ์แยกลงถนนลูกรังไปแล้ว คนผมหยิกที่วิ่งตามกันมาก็ไม่เลี้ยวลงตามไปด้วย

คงขับตะบึงเลยไปต่อไปอีกพักหนึ่ง มีทางแยกเล็กๆเป็นถนนลาดยางเล็กๆ คล้ายกับถนนระหว่างหมู่บ้าน ทางด้านขวามือ มันเลี้ยวรถลงไปทางนั้น

 

“พวกมึงจะพากูไปไหนกันนี่ ทางนี้มันไม่ใช่ทางไปบ้านญาติกูนี่หว่า” คุณมาลีพูดเสียงดัง

“มึงเงียบไปเลยอีคุณนายของไอ้อ่อนหัด เดี๋ยวก็รู้เอง มึงไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นแล้วจะดีเอง เดี๋ยวกูตบปากฉีก ”

คนนั่งข้างคนขับตวาด ทำให้คุณมาลีเงียบเสียงลง และคิดว่าจะพูดอย่างไรก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว สู้เงียบๆเสียดีกว่า

ตอนนี้อินเดียหยุดร้องไห้แล้ว เธอร้องจนไม่มีน้ำตาจะไหล ดีนะที่ว่ายังไม่มีใครได้ทำร้ายเธอเลย เธอนั่งอยู่ในอ้อมอกแม่ของเธอตลอดเวลา

 

ในสถานการณ์เช่นนี้สองคนแม่ลูกยังไม่ได้กินอาหารอะไรกันมาเลย ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอย่างนี้ ป่านนี้คงอิ่มหนำสำราญ และหลับนอนที่บ้านคุณยายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นตอนนี้หิวก็กลายเป็นไม่หิวแล้ว

ถึงแม้จะอิดโรยอย่างไรก็จำเป็นต้องจะต้องอดทน และลืมตาดูเหตุการณ์ตลอดเวลา คุณมาลีคิดว่าป่านนี้สามีของเธอ ที่ไปกับคนหัวโล้นนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ เธอได้แต่ภาวนาให้สามีของเธอเอาตัวรอดและปลอดภัยได้

 

แต่ในสถานการณ์เช่นนี้คงยากที่จะมีคนช่วยแล้ว คงไม่รอดเสียมากกว่า นอกจากจะมี ปาฏิหาริย์ เกิดขึ้นเท่านั้น

คนผมหยิกขับรถไปอีกสักพักหนึ่ง เห็นมีแสงไฟจากหน้ารถส่องสว่างวิ่งกวดตามมาอย่างรวดเร็ว มันกระพริบไฟสูงต่ำสองสามครั้งเหมือนเป็นสัญญาณ คนผมหยิกที่เป็นคนขับมองกระจกมองหลัง ก็รู้ว่าเป็นรถของไอ้โล้นวิ่งตามมานั่นเอง

มันจึงชะลอรถแล้วรถที่วิ่งตามมาก็มาทันมาจอดตรงท้ายรถแล้วทั้งสองคันก็ดับเครื่องยนต์แต่ไม่ปิดไฟหน้า ที่ต้องดับเครื่องยนต์นั้น เพราะว่าในความเงียบสงัดเช่นนี้ เสียงจะดังไปไกล ไอ้ผมหยิกร่างสูงเปิดประตูลงจากรถเดินมาถามไอ้โล้น

“เป็นไง เรียบร้อยหรือเปล่า ”

 

ถึงมันพูดกันเบาๆอย่างไร คุณมาลีที่นั่งอยู่ในรถก็ได้ยินเพราะความเงียบสงัดของราตรีนี้

“เรียบร้อยแล้วพี่ ผมเอามันไปทิ้งไว้ข้างบึงใหญ่อย่างที่พี่บอก แล้วก็ตามพี่มานี่แหละ ”

“แล้วมึงทำให้มันตายอย่างที่กูบอกหรือเปล่า ”
“ไม่หรอก” ไอ้โล้นบอก

“พอลงจากรถผมเตะอัดมันอีกทีหนึ่ง มันแน่นิ่งสลบเหมือดไป ไม่รู้ว่ามันจะตายหรือเปล่า ”

“อ้าวทำไมมึงไม่ดูให้มันแน่ใจวะ หรือแทงมันอีกสักทีก็ได้ ”

“ไม่ต้องหรอกแค่นี้ผมก็ว่ามันก็ไม่รอดแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่ตาย มันก็หาทางกลับไม่ถูกหรอก มันคงตายคาป่าหญ้านั่นแหละ ไม่เห็นจะต้องกังวลอะไร”

“เฮ้ยไม่ได้แล้ว เผื่อว่ามีรถชาวบ้านผ่านเข้าไปล่ะ ถ้าเห็นมันเข้าเขาก็ต้องช่วยมันกลับมา สอบถามมัน แล้วเขาก็จะพามันไปแจ้งความตำรวจอยู่ดี มึงนี่ใช้ไม่ได้เลย พับผ่าซี ไอ้เวร” ไอ้ผมหยิกด่าลูกน้อง

 

คุณมาลีเงี่ยหูฟังที่สองคนพูดกันได้ยินตลอด และรู้ว่าสามีของเธออาจจะยังมีชีวิตอยู่ เธอภาวนาว่าขอให้คุณพระคุณเจ้าช่วยด้วยเถิด แล้วก็ร้องไห้กันทั้งแม่และลูก

สักครู่หนึ่งคนสูงผมหยิกก็เดินมาบอกไอ้ผมยาวที่ยังนั่งอยู่ในรถ คุมแม่ลูกอยู่

“มึงอยู่ที่รถคุมตัวอีสองคนนี้ไว้ดีๆอย่าให้มันหนีลงจากรถได้ กูจะไปกับไอ้โล้น เดี๋ยวมา ”

มันสั่งสั้นๆแล้วเดินไปที่รถของมันซึ่งไอ้โล้นเริ่มติดเครื่องรออยู่แล้ว

 

“ไปเลยรีบไป มึงทิ้งมันไว้ตรงไหน กูจะดูให้แน่ชัดถ้ามันยังไม่ตาย ต้องเอาตัวมาให้ได้ หรือฆ่ามันทิ้งลงบึงเสียเลย มันจะได้พูดอะไรให้ใครรู้ไม่ได้ ”

ไอ้โล้นกลับรถอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งกลับไปทางเดิม สักพักใหญ่ๆ ก็มาถึงทางแยกทางลูกรังที่จะเข้าไร่ ที่ไอ้โล้นกลับออกมา

แสงไฟหน้ารถพุ่งสว่างจ้า มุ่งตรงไปจุดที่ไอ้โล้นบอก
ระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆและทางไม่ดีทั้งคู่จึงใช้เวลาไปพอสมควร

 

ต่อมารถก็วิ่งถึงที่หมายแสงไฟหน้ารถส่องสว่างเห็นละลอกน้ำในบึงใหญ่ข้างหน้าแล้ว

คุณสมศักดิ์มองเห็นแสงไฟมาแต่ไกล ในขณะที่คุณสมศักดิ์กำลังก้มโน้มตัวลงวักน้ำริมบึงเข้าปากด้วยความกระหายด้วยความอยากน้ำ จะเป็นน้ำอะไรก็ต้องกินประทังชีวิตเอาไว้ก่อน

เขาหยุดนิดหนึ่งหันไปทางแสงไฟที่กำลังใกล้เข้ามา และใกล้เข้ามา

เขาคิดว่าถ้าเป็นรถชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นผ่านมา เขาก็จะวิ่งไปคอยที่ถนน แล้วก็จะโบกมือขอความช่วยเหลือ

แต่คิดอีกทีถ้าเป็นรถของพวกมันที่วิ่งย้อนมาตามล่ะ เขาก็จะต้องถูกจับตัวไปอีก จะขัดขืนต่อสู้ก็ไม่ไหวแล้ว เรี่ยวแรงหายไปหมดด้วยความอิดโรยและโดนทำร้าย

คุณสมศักดิ์คิดสองจิตสองใจว่าจะเอาอย่างไรดี ในที่สุดคิดได้ว่าจะต้องแอบซ่อนตัวนิ่งๆเอาไว้ก่อนจะดีกว่า เพื่อป้องกันความผิดพลาด

 

เขารีบวิ่งมุดเข้าไปในพงหญ้าหนาทึบ แล้วนอนนิ่งอยู่ในพงหญ้านั้น สายตาก็มองดูรถที่กำลังวิ่งเข้ามาเพื่อจะได้รู้ว่าเป็นรถใครกันแน่

สักครู่หนึ่งรถคันนั้นก็วิ่งมาตรงที่ไอ้โล้นมาจอดในตอนแรก แสงไฟหน้ารถสาดส่องสว่างไปทั่วบริเวณ ตัวร้ายทั้งคู่ก้าวออกมาจากรถพร้อมกัน ในมือไอ้ผมหยิก กำปืนของคุณสมศักดิ์ที่ยึดได้เอาไว้ด้วย

 

“มึงแน่ใจว่ามาจอดตรงนี้หรือไอ้โล้น ”

“ใช่พี่ ตรงนี้แหละผมจำได้แม่นเลย เห็นรอยหญ้ายับไปหมดตรงนี้ชัดเจนเลย ”

“แล้วมันหายไปไหนล่ะ กูคิดแล้วกูไม่น่าไว้ใจมึงเลย ” ไอ้ผมหยิกหัวเสีย

“ฆ่ามันด้วยมีดก็สิ้นเรื่อง มึงทำพลาดแล้วไอ้โล้น”

 

ไอ้โล้นไม่ได้โต้ตอบอะไร ทั้งคู่เดินวนเวียนเพื่อจะไปดูให้ทั่วบริเวณ ไม่เว้นแม้แต่ตรงชายๆน้ำ ยังดีที่พวกมันไม่มีไฟฉายมาด้วย จึงมองได้ไม่ชัดนัก

ในตอนนี้คุณสมศักดิ์กลั้นหายใจแล้วก็คิดว่าอย่าให้มันเดินมาตรงพุ่มหญ้านี้เลย แต่ถึงกระนั้นทั้งสองคนนั้นก็เกือบจะก้าวเข้ามาเหยียบหัวคุณสมศักดิ์อยู่แล้ว......

 

 

ค่ำคืนอันเลวร้าย ตอนที่ 4

Patipat suwanmutcha

 

“อย่า อย่าเข้ามานะคุณ มิฉะนั้นผมยิงคุณทันทีเลยนะ ”

คุณสมศักดิ์ยังพูดสุภาพกับมันอีก คนตัวสูงผมหยิกหยุดชะงัก มันตั้งสติพร้อมกับยกมือเหมือนกับจะห้าม คุณสมศักดิ์จ้องปืนเขม็งมาที่มันซึ่งกำลังหยุดชะงักอยู่

“เดี๋ยวๆ เดี๋ยว ใจเย็นๆนะ อ้อ..! มึงมีปืนด้วย ”

อีกสองคนที่ยืนคุมเชิงอยู่มองมาที่ปืน คงคิดว่ามันมีปืนจะหา วิธีอย่างไรที่จะหยุดมันได้ จึงยืนนิ่งเฉยอยู่โดยไม่ได้ขยับตัว
คนสูงผมหยิกทำใจดีสู้เสือ

 

“เอาซี่มึงยิงกูเลย กูว่ามึงใจไม่แข็งพอที่จะฆ่าคนหรอก ”

มันยกมือขึ้นสูงเหมือนยอมจำนน พร้อมกันแอ่นอกให้
คุณสมศักดิ์ใจคงไม่แข็งพอที่จะยิงคนหรอกอย่างที่มันว่า ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยทำร้ายใคร ไม่เคยมีเรื่องกับใคร เป็นคนสุภาพใจดีตลอดมา และที่มีปืนติดตัวนี้ก็เพราะว่าเพื่อนคนหนึ่งแนะนำให้ซื้อไว้ป้องกันตัวเท่านั้น

 

ปืนกระบอกนี้คุณสมศักดิ์ยังไม่เคยเอามายิงใครจริงๆสักครั้งเดียว เพียงแต่เคยไปซ้อมยิงที่สนามยิงปืนเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น เมื่อเป็นเหตุการณ์เช่นนี้ คุณสมศักดิ์จะใจแข็งและยิงปืนเป็นหรือ คนตัวสูงเดาอาการของคุณสมศักดิ์ออกแล้ว

“พูดกันดีๆก็ได้ไม่ต้องใช้ปืนหรอก”

คนสูงว่า พยายามที่จะโน้มน้าวให้คุณสมศักดิ์ใจอ่อนและเผลอตัวและคิดว่าจะได้แย่งปืนกระบอกนี้เสีย

“คุณถอยไปเลย” คุณสมศักดิ์บอก

“ทุกคนนั่นแหละมายืนรวมกันทางนี้แล้วก็เอามือไว้บนหัวทุกคนด้วย” พร้อมกับหันกระบอกปืนกวาดไปมา

 

คุณมาลีซึ่งกำลังกอดอยู่กับอินเดียลูกสาวข้างก้อนหินใหญ่ มองด้วยใจระทึก

“ยิงมัน ยิงมันเลย อย่าไปฟังคำพูดมัน คุณยิงมันเลยอย่าช้า ”

คุณมาลีเร่งบอกสามีของเธอซึ่งใจเธอแข็งกว่า สมกับที่เป็นคนลูกบ้านนอกมาจากบ้านนอกแท้ๆ

“สักนัดสองนัดมันก็วิ่งหนีกันหางจุกตูดแล้ว มาลีว่ามันไม่มีอาวุธอะไรหรอก จัดการมันเลย ”

 

คุณมาลีเร่งเร้า พร้อมกับกอดลูกอินเดียไว้แน่น ขณะที่อินเดียยังสะอึกสะอื้นอยู่ในลำคอ

“ก็ได้กูจะไม่ทำร้ายมึงแล้ว เรามาพูดกันดีๆดีกว่า ก็บอกแล้วไงว่าพวกกูจะพาพวกมึงไปส่งถึงบ้านญาติมึง แต่มึงก็ไม่เอาเองนี่ “

คนตัวสูงผมหยิกพยายามพูดดี

"มาเถอะเราไปกันได้แล้ว มึงเอาปืนเก็บเสียก่อน ไม่มีอะไรแล้ว เอาตามนี้ก็แล้วกันนะ”

 

คุณสมศักดิ์คิดตามประสาคนใจดีว่าพวกนี้คงจะสำนึกและกลัวปืนแล้ว และกำลังจะไปส่งตามที่มันพูด

“พวกคุณอย่าตุกติกนะ ถ้าพวกคุณทำตามที่พูด เราก็แยกย้ายกันไป พวกคุณไม่ต้องไปส่งผมหรอก ผมไปเองได้ ”

มันทำท่าเข้าใจ แล้วค่อยๆเอามือลงจากหัวอย่างช้าๆ คุณสมศักดิ์ยังกำปืนกระบอกนั้นแน่น ยังไม่ลดปืนลงง่ายๆ

“ก็ตามนั้นแล้วกัน เรามาแยกทางกันไปเถอะ ”

คนตัดผมสั้นเกรียนคล้ายๆกับทรงสกินเฮด เอ่ยขึ้นมา

“จริงด้วยแยกๆกันไปจะได้จบเสียที “

คนผมยาวเป็นกระเซิงสวมเสื้อผ้าสกปรก พูดเสริม


คุณสมศักดิ์ฟังพวกมันพูดแล้วคิดว่าคราวนี้พวกมันคงจะยอมปล่อยเขาไปแล้ว เขาถอนหายใจ พลางค่อยๆลดปืนลง แต่ก็ยังถืออยู่ในมือ

“เก็บปืนเสียเถอะ”
คนสูงขาวพูด คุณสมศักดิ์หันไปมองภรรยาคล้ายจะปรึกษาว่าจะเอาอย่างไรดี

 

ในขณะที่คุณสมศักดิ์ลดปืนลงและกำลังมองไปที่ภรรยาของเขา พริบตาเดียวคนสูงผมหยิกได้ทีมันคิดว่าโอกาสเป็นของมันแล้ว

ในขณะที่คุณสมศักดิ์เผลออยู่นั้น มันโถมตัวเข้าหาคุณสมศักดิ์ทันที ด้วยร่างของมันที่สูงใหญ่ มันกอดรัดคุณสมศักดิ์ไว้แน่น คุณสมศักดิ์จะยกปืนขึ้นมาแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

 

แรงโถมด้วยร่างใหญ่ของมันทำให้คุณสมศักดิ์ล้มลงทั้งยืน ปืนกระเด็นหลุดจากมือหล่นลงไปที่พื้นหญ้า มันรีบตะปบเอาปืนมาไว้ในมือของมัน

แล้วมันก็หัวเราะเสียงดังก้องอย่างเย้ยหยันมันลุกขึ้นยืนแล้วเตะเข้าที่ท้องของคุณสมศักดิ์สองทีซ้อน เสียงดังเหมือนเตะกระสอบทราย

คุณสมศักดิ์จุกแอ๊ดตัวงออยู่ที่พื้นหญ้าลุกไม่ขึ้น คุณมาลีหวีดร้องด้วยความตกใจ และสงสารสามีของเธอเป็นยิ่งนัก แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะว่ามีอีกคนหนึ่งคุมอยู่

 

“เอาละมึงลุกขึ้นมาเลย ทีนี้ก็ได้เวลาแล้วที่เราจะกลับบ้านกันแล้ว “ แล้วมันก็หัวเราะอีก

“ลุกขึ้นมาเลยไอ้หน้าโง่อ่อนหัดนักมึงนี่ เร็วๆเลยกูจะพาพวกมึงกลับบ้าน ” พร้อมกับเล็งปืนไปที่คุณสมศักดิ์

“เร็วๆ เดี๋ยวพัดยิงแม่งเลย ”

 

คนสูงผมหยิกพูดแล้วเอาเท้าเขี่ยคุณสมศักดิ์ คุณสมศักดิ์ค่อยหายจุกแล้ว แต่ก็ยังเจ็บแปลบที่ซี่โครงที่โดนมันเตะเมื่อกี้นี้ ค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ

“ ไปขึ้นรถกันได้แล้วเร็วหน่อย “ คุณผมยาวบอก พร้อมกับหันไปทางคุณมาลี

“ได้ขึ้นรถก็ได้ มึงก็ไปขึ้นรถของพวกมึง กูก็ขึ้นรถของกู แล้วเราขับตามกันไป ”

คุณมาลีบอกคนผมหยิกส่ายหน้า

“ไม่ได้หรอก อย่างนั้นไม่เอา อีคุณนายกับลูกของมึงพร้อมด้วยไอ้เตี้ยไปรถของมึง กูจะเป็นคนขับไปเอง แล้วผัวของมึงไปขึ้นรถของกู ไอ้โล้นจะเป็นคนขับไป ”

มันพูดแล้วมองจ้องหน้าคุณสมศักดิ์เขม็ง ปืนในมือมันส่ายไปมา

 

“ไม่เอาหรอกแบบนี้ผมและลูกเมียผมจะไปรถของผมพวกคุณก็ไปรถของคุณจึงจะถูก”

“มึงได้ยินกูสั่งหรือเปล่า อย่าลืมนะว่ากูมีปืนแล้วเอาตามที่กูบอกเถอะ อย่าขัดขืนเดี๋ยวกูฆ่าซะเลย ” พร้อมกับเอาปืนมาจ่อที่คุณสมศักดิ์

เมื่อหมดทางที่จะขัดขืนแล้ว คุณสมศักดิ์ร้องบอกภรรยาของเขาให้ทำตามที่มันพูดอย่างยอมจำนน

“เอาอย่างนั้นก็ได้” คุณสมศักดิ์ว่า

 

คนหัวโล้นเดินปรี่ตรงเข้าไปหาคุณมาลี พร้อมเตะอัดเข้าไปที่ท้องดังสนั่น "ลุกขึ้นเร็วๆ" ไอ้โล้นบอก

คุณมาลีจุกแน่นแทบจะลุกไม่ขึ้น มันกระชากแขนคุณมาลีให้ลุกขึ้น อินเดียกอดแม่เอาไว้แน่นร้องไห้โฮออกมาอีก เรื่องที่อินเดียเห็นนี้บีบคั้นหัวใจเด็กสาวคนนี้ยิ่งนัก

คุณมาลีลุกขึ้นแล้ว ไอ้โล้นผลักดันหลังคุณมาลีให้เดินไปที่รถของเธอ เธอล้มลุกคลุกคลาน เพราะจุกและเจ็บปวดที่โดนมันเตะแทบจะขาดใจตาย

เธอคิดว่าเวรกรรมอะไรหนอจึงได้มาพบกับเหตุการณ์เช่นนี้ แต่ก็ต้องจำใจเดินไปที่รถด้วยความกระปกกระเปลิ้ย

คุณมาลีขึ้นรถได้แล้วตามด้วยอินเดีย ไอ้คนผมยาวสกปรกขึ้นไปที่นั่งข้างคนขับ

 

“มึงอย่าตุกติกนะมึง ไม่งั้นมึงตาย”
คนผมหยิกร่างใหญ่บอกกับคุณสมศักดิ์ที่มันกำลังเอาปืนจ่ออยู่

“ไปเลยไป ไปขึ้นรถของกูนั่น ให้ไอ้โล้นเป็นคนขับแล้วขับตามกันไป บ้านญาติมึงอยู่ไหน เดี๋ยวบอกกันในรถก็ได้ ”

มันบอกแล้วกวาดปืนในมือไปที่รถของมัน คนผมหยิกหันมาสั่งไอ้โล้น

“มึงไปขับคันนั้นไปกับไอ้นี่ออกรถไปเลย เดี๋ยวเขาบอกทางมึงเอง กูจะตามไป”

 

ไอ้โล้นเดินตามคุณสมศักดิ์พร้อมกับเอามือดันคุณสมศักดิ์ให้เดินไปข้างหน้าไปที่รถเก่าๆของพวกมัน

คุณสมศักดิ์ตะโกนบอกภรรยาและลูกที่ขึ้นนั่งอยู่ในรถของเขาแล้ว

“คุณใจเย็นๆนะครับ อย่ากลัว ลูกอินเดียอย่ากลัวนะ เดี๋ยวอะไรๆก็เรียบร้อยแล้ว แล้วเราไปพบกันที่บ้านคุณยายนะ ”

 

บอกแล้วก็ก้าวขึ้นรถคันเก่าๆของมัน ในรถของมันสกปรกเหลือเกิน แทบจะนั่งไม่ลง มีขวดน้ำเปล่า ยาชูกำลัง และมีขวดเหล้าอยู่ที่พื้นรถเกลื่อน

ไอ้โล้นตามขึ้นมานั่งที่คนขับ
“เราไปกันก่อนเดี๋ยวเขาก็ตามมา เดี๋ยวก็ถึงน่าไม่มีอะไรหรอก มึงอย่ากลัวไปเลย”

 

มันบอกคุณสมศักดิ์พร้อมกับติดเครื่องยนต์ แล้วรถก็เคลื่อนที่ช้าๆ เวลานี้คุณสมศักดิ์ไม่ต้องคิดแล้วว่ารถของมันจะนั่งสบายไม๊ เครื่องมันสั่นทะลวงแก้วหู หรือจะอย่างไรก็ไม่สนใจอีกแล้ว ใจรู้สึกเต้นแรงๆ คิดถึงแต่ความปลอดภัยของภรรยาและลูกสาวเท่านั้น

เลือดที่ไหลเกรอะกรังที่หน้าหยุดไหลแล้ว แต่ก็ยังเจ็บๆที่บาดแผลอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจแล้ว คิดถึงแต่ภรรยาและลูก และเขาคิดว่าจะเอาตัวรอดได้อย่างไรในเหตุการณ์เช่นนี้

คุณสมศักดิ์เหลียวมองไปข้างหลังเห็นรถของเขาซึ่งมีภรรยาและลูกถูกคุมตัวอยู่ กำลังออกเดินทางตามมา

 

ท่ามกลางความมืดรถสองคันเปิดไฟหน้าสว่างจ้าวิ่งตามกันไป กำลังมุ่งหน้าไปที่แนวชายเขาเห็นตะคุ่มๆอยู่ในความมืด

ทางนี้จะตรงไปยังบ้านคุณยาย ทำให้คุณสมศักดิ์สบายใจว่า พวกชายทั้งสามคนนี้คงทำตามที่ปากพูด คือมุ่งหน้าไปส่งเขาที่บ้านคุณยายนั่นเอง

รถของเขาที่วิ่งตามมาเปิดไฟสว่างจ้าตามมาอย่างกระชั้นชิด เขาเห็นแล้วก็สบายใจ แล้วคิดว่าพวกมันคงไปส่งที่บ้านคุณยายที่เชิงเขาจริงๆนั่นแหละ ตามที่พวกมันพูดเอาไว้จริงๆด้วย

 

ถึงแม้ว่าที่ผ่านมามันจะทำร้ายบ้างก็ไม่เป็นไร เขาไม่ได้คิดในเรื่องนั้นแล้ว ขอให้ไปบ้านคุณยายอย่างปลอดภัยก็แล้วกันความลิงโลดใจเกิดกับคุณสมศักดิ์อีกครั้งหนึ่งในตอนนี้

รถทั้งสองคันวิ่งตามกันมาเรื่อยๆ แสงไฟหน้ารถคันหลังที่ตามกันมา กระดกขึ้นลงตามสภาพถนนซึ่งเป็นหลุมเป็นบ่อบ้างในบางตอน

รถวิ่งตามกันมานานพอสมควร มีทางแยกลงไปทางซ้ายเป็นถนนดินลูกลังด้านซ้ายขวาเป็นไร่ข้าวโพดหนาทึบ

 

ฉับพลันนั้นเองไอ้โล้นหักพวงมาลัย เลี้ยวรถลงไปที่ทางดินลูกรังนั้นทันที

ส่วนรถของคุณสมศักดิ์ที่มีลูกและภรรยาของเขานั่งมาด้วยนั้น วิ่งเลยตรงไปที่จะไปทางบ้านของคุณยาย สักครู่เดียวแสงไฟก็ลับสายตาไป

“เฮ้ยนี่จะพาผมไปไหน มันไม่ใช่ทางนี้นี่”

คุณสมศักดิ์ตะโกนแข่งกับเสียงเครื่องยนต์ที่ครางกระหึ่ม พร้อมกับทำท่าจะแย่งพวงมาลัยจากไอ้โล้น ไอ้โล้นหันมามองแล้วปัดป้องไว้ รถส่ายเอนไปมา

“เดี๋ยวมึงก็รู้เองแหละว่ากูจะพาไปไหน ” แล้วมันก็หัวเราะชอบใจ.......

 

 

ค่ำคืนอันเลวร้าย 3

Patipat Suwanmutcha

คุณมาลีและลูกสาวที่ยังนั่งอยู่ในรถมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ทั้งคู่ต่างร้องกรี๊ดกันออกมาด้วยความตกตะลึงที่คุณสมศักดิ์ถูกกระทำอย่างนั้น คุณมาลีอดรนทนไม่ได้ที่สามีของเธอถูกกระทำ

ด้วยความโมโหและเป็นห่วงสามีของเธอ จึงบอกลูกสาวที่นั่งอกสั่นขวัญแขวนอยู่เบาะหลัง

“อยู่นี่นะลูกอย่าลงจากรถอย่างเด็ดขาด แม่จะลงไปดูคุณพ่อเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ “

พลางเธอก็เปิดประตูผลุนผลันลงจากรถ วิ่งลงมาตรงที่คุณสมศักดิ์นอนคว่ำหน้าอยู่

คุณสมศักดิ์นอนคว่ำหน้าแล้วยกหัวโงขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดและมึนงง ก่อนที่คุณมาลีจะมาทรุดลงมานั่งข้างๆตัวคุณสมศักดิ์

คุณสมศักดิ์โงหัวขึ้นมาแล้วสั่นหัวไล่ความมึนงงจากที่โดนตบหน้าอย่างแรง ตรงหน้าผากเหนือคิ้วข้างขวาของเขามีรอยแตกเป็นแผล เลือดไหลออกมาอาบแก้ม

เนื่องจากที่คุณสมศักดิ์ล้มลงไปนั้น หน้าไปกระแทกกับหินก้อนหนึ่งจึงทำให้หน้าผากแตก ไม่ได้เกิดจากการโดนตบ

คุณมาลีทรุดนั่งแล้วประคองให้คุณสมศักดิ์ลุกขึ้นนั่ง
“ทำไมทำกันอย่างนี้ล่ะ ไหนบอกว่าให้ลงมาคุยกันดีๆไงล่ะ มึงเลวที่สุด ” พลางชี้หน้าคนที่ทำร้ายสามีของเธอ แล้วคุณมาลีก็ร้องไห้ด้วยความสงสารสามี เธอบ่นอะไรอีกสองสามคำ

“จะคุยกันดีๆได้ยังไง ก็บอกแล้วให้ลงมา ลงมา จนกูเกิดโมโหจึงต้องจัดการอย่างนี้แหละ” คนที่ตบคุณสมศักดิ์บอก แล้วหัวเราะด้วยความสะใจดังลั่น

“จัดการอีนี่ด้วยเลยเอาไม๊พี่ ตบแม่งสักทีสองทีฐานมันขัดขืน”

คนที่ผมสั้นเกรียนเหมือนเพิ่งโกนหัวที่ยืนอยู่หน้ารถบอก

“อย่าๆไปทำมัน ใจเย็นๆก่อน ราตรีนี้ยังอยู่อีกยาว มึงไปยืนคุมอีตัวลูกมันที่อยู่ในรถก็แล้วกัน”

คนร่างสูงผมหยิกหยักศกบอก ในขณะที่คนแต่งตัวสกปรกผมยาวรุงรังเป็นกระเซิงที่ยืนอยู่ท้ายรถ เดินเร่เข้ามาที่คุณสมศักดิ์และคุณมาลียืนอยู่

ท่ามกลางความมืดและเงียบสงัด คุณสมศักดิ์ลุกขึ้นยืนคุณมาลีประคองคุณสมศักดิ์ไว้

“มึงขับรถเฉี่ยวกระแทกรถกูจนตกถนน มึงจะว่าอย่างไร ”  มันถามพลางจ้องหน้าคุณสมศักดิ์เขม็ง

“จะว่าอย่างไรล่ะ ก็มึงไม่ใช่หรือที่ขับตามมาแล้ว มากระกระแทกรถของกู โดยไม่มีสาเหตุอะไรกันเลย”

“มึงอย่ามาแก้ตัวเลย อีตอแหล ก็ผัวมึงนั่นแหละที่กระแทกรถกู จนรถกูเกือบคว่ำ อย่างนี้มันหาเรื่องกันนี่หว่า ” คนที่เดินเข้ามาใหม่เนื้อตัวสกปรกพูดแล้วชี้มือไปที่รถของมัน

“เรื่องอะไรที่ผมจะมาแกล้งรถคุณ ” คุณสมศักดิ์พูดขึ้นบ้าง

“ผมอยู่ที่อื่นไม่ใช่คนที่นี่ ผมไม่รู้จักพวกคุณ ผมจะมาเยี่ยมญาติของผมในหมู่บ้านโน้น แล้วเป็นอะไรหรือผมจะต้องมาแกล้งพวกคุณ มาหาเรื่องกับพวกคุณ” คุณสมศักดิ์ยังคงพูดสุภาพกับพวกมันอยู่

“ดีแล้วละพวกมึงมาหาญาติของมึงหรือ เอาละเรื่องรถกระแทกกัน กูจะไม่เอาเรื่องกับพวกมึงแล้ว ” มันหยุดพูดนิดหนึ่ง

“บ้านญาติพวกมึงอยู่กันที่ไหนล่ะ มา มา เดี๋ยวพวกเราไปด้วยกัน กูจะไปส่งพวกมึงให้ถึงที่เลย เอาไม๊ล่ะ ” มันพูดแล้วจ้องคุณสมศักดิ์และคุณมาลีเขม็ง

“ไม่ต้องหรอก บ้านญาติผมไปอีกไม่ไกล ผมไปกันเองได้ เมื่อพวกคุณไม่เอาเรื่องอะไรแล้ว เราก็แยกทางกันต่างคนต่างไปก็หมดเรื่องแล้ว”

คุณสมศักดิ์บอกพร้อมกับเอาฝ่ามือปาดเลือดที่หัวคิ้ว ซึ่งเลือดกำลังจะไหลเข้าตา

“ไม่ได้ ไม่ได้ กูต้องไปส่ง ตกลงไม๊ล่ะ ”

“ไม่จำเป็นหรอก ผมขับไปได้เพราะว่าผมเคยมาหลายครั้งแล้ว คุณไม่ต้องห่วง ผมขอขอบคุณนะที่หวังดีกับพวกเรา” คุณสมศักดิ์บอก คุณมาลียืนอยู่ข้างๆพูดเสริมขึ้น

“อย่าดีกว่านะเลิกแล้วต่อกันไปดีกว่า ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป รับรองว่าจะไม่ไปแจ้งความโดยเด็ดขาดนะ”

ชายหนุ่มทั้งสามหัวเราะขึ้นมาพร้อมๆกันด้วยเสียงอันดัง
“จะแน่ใจได้ยังไงที่ว่าพวกมึงจะไม่ไปแจ้งความน่ะหือ กูไม่เชื่อหรอก ไปเถอะพี่เอาพวกมันขึ้นรถกันเถอะ อย่าเสียเวลาเลย ” คนหัวเกรียนบอก คนที่หัวฟูผมยาวสนับสนุนด้วย

“เอามันขึ้นรถเลยดีกว่าแล้วขับตามกันไป ผัวมันเจ็บมันคงขับไม่ได้ เดี๋ยวกูขับเอง ไป ไป ขึ้นรถ”

ชายทั้งสามทำท่าจะเข้ามาผลักดันหลังคุณสมศักดิ์และคุณมาลี แต่ถึงขั้นนี้แล้วใครจะยอมไปตามที่พวกมันบอกง่ายๆ คุณสมศักดิ์และคุณมาลีจึงขัดขืน

ในตอนนั้นทำท่าจะชุลมุนผลักไสกันไปมาแล้ว อีกฝ่ายพยายามจะให้ขึ้นรถแต่อีกฝ่ายไม่ยอม เพราะคิดว่าถ้าขึ้นรถตามที่มันบอก อาจจะมีเหตุที่ไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ

คุณมาลีเข้ามาใกล้คุณสมศักดิ์แล้วกระซิบเบาๆที่ข้างหู
“คุณมีปืนทำไมไม่เอาออกมาขู่พวกมัน ชักออกมาเลยสิคุณ ”

คุณสมศักดิ์พยักหน้า พลางปาดเลือดที่ไหลออกมาที่ใบหน้า แต่ก็ยังรอจังหวะอยู่

“พวกมึงทำไมต้องมาบังคับกันอย่างนี้ กูทำอะไรให้พวกมึงถึงต้องมาทำกับกูอย่างนี้ ไอ้ลูกหมา”

คุณมาลีด่ากราดพลางชี้หน้าไอ้คนผมหยิกที่ตบคุณสมศักดิ์ล้มคว่ำ ยิ่งทำให้มันโกรธมากยิ่งขึ้น การที่ว่าจะมาเจรจากันดีๆอย่างที่พวกมันบอกนั้น เป็นอันหมดสิ้นลงแล้ว ที่จริงเป็นการบอกแบบหลอกๆกันนั่นเอง จุดประสงค์ของพวกมันคงมีอย่างอื่นเป็นแน่

“บอกกันดีๆแล้วนะมึง” คนผมฟูสกปรกตวาดเสียงดังลั่น พร้อมกับกระโดดถีบคุณมาลีหงายหลังลงไปกองกับพื้น

“อีนี่มึงจะสู้กูเหรอ ” คุณมาลีกองกับพื้นแล้วมันก็ยังปรี่เข้ามาจะกระทืบซ้ำอีก

“เดี๋ยวกูกระทืบตายคาตีนเลย ปั๊ทโธ่” มันสำรากออกมา คุณมาลีลุกขึ้นยืนในลักษณะอย่างนี้คงต่อสู้กับพวกมันไม่ได้แล้ว มีแต่จะเจ็บตัวและเจ็บใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

อินเดียนั่งอยู่ในรถมองเห็นเหตุการณ์ตลอด ร้องไห้โฮขึ้นมาด้วยเสียงอันดัง อินเดียโตพอที่จะรู้อะไรต่างๆที่เกิดขึ้นแล้ว คิดขึ้นได้ว่าจะต้องโทรหา 191 แต่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไม่ได้ เพราะว่ามีคนผมเกรียนยืนคุมอยู่

โทรศัพท์ในตอนนี้ก็ใช้ได้แล้วมีสัญญาณเพียงเล็กน้อยก็คิดว่าใช้ในการโทรออกได้ เมื่อตอนที่รถวิ่งมาระหว่างทางนั้นโทรศัพท์ไม่มีสัญญาณก็เป็นเพราะว่า รถกำลังวิ่งอยู่ในซอกเขานั่นเอง

คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคนที่ยืนคุมอยู่ต้องมองเห็นอย่างแน่นอน แต่ก็จะลองดูเผื่อว่าจะได้ผล เป็นไงเป็นกัน เห็นพ่อแม่ถูกซ้อมอย่างนั้นอินเดียก็ทนไม่ได้แล้ว

เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วกด 191 รอครู่เดียวได้ยินเสียงทางโน้นรับแล้ว เสียงออกมาว่า

“มีเหตุอะไรครับ โปรดแจ้งช้าๆ ชัดๆว่าเกิดเหตุอะไร บอกชื่อผู้แจ้ง สถานที่เกิดเหตุที่จะแจ้งด้วย ”

อินเดียไม่รู้เลยว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ตำบล ถนนอะไร อยู่ใกล้กับอะไร มีอะไรเป็นที่สังเกต เธอจึงอึกอัก เพราะว่าบอกไม่ถูก กำลังคิดอยู่นั่นเอง

เสียงประตูรถเปิดออกอย่างแรง คนที่ยืนคุมเธออยู่นั้นนั่นเองเป็นคนกระชากประตูเปิด แล้วเอื้อมมือมาคว้าข้อมือของเธอเอาไว้

พร้อมกับกระชากเธออย่างแรง อินเดียตกจากรถลงมากองที่พื้น โทรศัพท์มือถือหลุดกระเด็นจากมือเธอ ไปหล่นที่พื้นเช่นเดียวกัน

“อีเด็กห่านี่หนอยแอบใช้โทรศัพท์ มึงนึกว่ากูไม่เห็นเหรออีสัตว์ ”

มันทำท่าจะเข้ามาทำร้ายอินเดียอีก อินเดียรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปหาพ่อและแม่ที่ยืนเจรจากับอีกคนหนึ่ง พร้อมร้องไห้โฮ

“แล้วมันโทรได้หรือเปล่าวะ ” คนผมหยิกถาม “ไม่ทันได้พูดหรอกกูเห็นเสียก่อน เลยกระชากแม่ง ลงมาจากรถซะเลย จะได้คุมมันได้ง่ายหน่อย เดี๋ยวพัด ” แล้วมันก็ทำท่าเงื้อตีนจะเตะอินเดียอีก

คุณมาลีวิ่งเข้าไปกอดลูกสาว ร้องไห้กันระงม

“พวกมึงทำอย่างงี้ได้ไง นี่เขาเด็กนะจะรู้เรื่องอะไรด้วย ไอ้ชาติหมา”

พลางสะอื้นไห้ ชี้หน้าด่ากราด พร้อมทั้งประคองลูกไปนั่งตรงก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง มองดูคุณสมศักดิ์สามีกำลังต่อรองกับไอ้ผมหยิกอยู่ โดยมีไอ้คนหัวเกรียนคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ และเธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว

ท่ามกลางความมืดมิดและเงียบสงัด มีเพียงเสียงกบเขียดและสัตว์เล็กๆในตอนกลางคืนร้องกันระงมเท่านั้น

ทันใดนั้นมีแสงไฟของหน้ารถคันหนึ่งสว่างวาบมาแต่ไกล กำลังวิ่งตะบึงออกมาจากข้างในหมู่บ้าน คุณสมศักดิ์เห็นแล้วจึงวิ่งผละจากคนที่กำลังเจรจาอยู่ออกมายืนบนไหล่ถนน ไอ้คนผมหยิกวิ่งตามมาด้วย แต่ก้มหมอบลงต่ำ เพราะว่ากลัวคนในรถจะเห็น

เมื่อแสงไฟจากรถวิ่งเข้ามาใกล้แล้ว คุณสมศักดิ์ยกมือทั้งสองข้างร้องตะโกนด้วยเสียงอันดังสุดแรงเกิด

“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ” พลางยกมือทั้งสองชูขึ้นโบกไปมา แต่ความพยายามของคุณสมศักดิ์ไร้ผลแล้ว เพราะว่ารถคันที่วิ่งมาด้วยความเร็วฝุ่นตลบ ไม่ได้สนใจข้างทางเลยจึงมองไม่เห็นคุณสมศักดิ์ยืนโบกมืออยู่

รถคันนั้นผ่านแวบไปมองเห็นแสงไฟท้ายไกลออกไปทุกที รถคันนี้มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นรถกระบะสองตอนทาสีเลือดหมู

มีไฟสัญญาณแดงๆอยู่บนหลังคาแต่ไม่ได้เปิด ซึ่งเป็นรถตำรวจนั่นเอง ไม่รู้ว่าเขาจะรีบไปที่ไหนจึงขับตะบึงโดยไม่ได้มองข้างทางเลย

คุณสมศักดิ์รู้สึกหมดหวัง นั่งทรุดลงกับพื้นข้างถนน เสียงไอ้ผมหยิกหัวเราะอย่างชอบใจ

“เป็นไงล่ะหมดหวังละซีมึง ที่เปลี่ยวอย่างนี้ไม่มีใครช่วยได้หรอก” และก็หัวเราะด้วยความสะใจ

คุณสมศักดิ์ต้องหาทางรอดด้วยตัวเองแล้วในลักษณะอย่างนี้ ลำพังรถชาวบ้านคงไม่มีใครผ่านมาแล้ว จะมีก็รถเจ้าหน้าที่เท่านั้น และเขาก็วิ่งเลยไปแล้ว บ้านเมืองที่อยู่ห่างไกลก็เป็นอย่างนี้

“เอาไง มึงจะขึ้นรถไปด้วยกันหรือเปล่า” คนผมหยิกบอก แล้วหันไปมองเพื่อนอีกคนหนึ่งที่กำลังคุมเชิงคุณมาลีและลูกสาวอยู่

“คุณอย่ามาบังคับผมมากนักนะ เราตกลงกันแล้วเข้าใจกันแล้วก็ควรจะจบได้แล้วก็แยกย้ายกันไป”

“ไม่ได้หรอก มึงต้องไปกับกู มึงพูดภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง”

แล้วปราดเข้ามาทำท่าจะทำร้ายคุณสมศักดิ์อีก


เมื่อเป็นอย่างนั้น คุณสมศักดิ์จึงตัดสินใจกระชากปืนพกออกจากเอวทันที.......