เรารักสุพรรณ สถานที่ท่องเที่ยวสุพรรณบุรี

พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี และ "เทพกระซิบ" หรือ "อะมาดอว์เมียะ แห่งเมืองย่างกุ้ง"

  เสร็จจากกินอาหารกลางวันกันที่ภัตตาคาร Western Park Ruby อิ่มท้องกันดีแล้วแล้ว ก็เดินทางไปในตัวเมือง ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกสองสามแห่งตามโปรแกรมในวันนี้ ซึ่งแต่ละที่ก็คงใช้เวลาไม่มากมายอะไร มีสถานที่ที่ควรไปชมสองสามแห่งซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน ลงจากรถทีเดียวก็ไปได้ทุกแห่ง แต่ตอนแรกนี้เขาจะพาไปไหว้พระนอนกันก่อนเป็นที่แรก

ไปเทียวพม่า พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี เทพกระซิบ

 

พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี( Kyauk Htat Gyi Reclining Buddha)

   วัดนี้ตั้งอยู่บนถนนชเวกองได ( Shwe Gon Dine ) เขตตามุย (Tamwe Township) ซึ่งไม่ไกลจากดาวน์ทาวน์ของเมืองย่างกุ้งเท่าไหร่รถออกเดินทางประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ด้านนอกวิหารมีร้านขายของที่ระลึกสองสามร้าน ทางเข้าด้านนี้จะเป็นด้านที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มากัน เพราะไม่ต้องเดินถอดรองเท้ากันมาแต่ไกล ลงรถปุ๊บก็สามารถเข้าวิหารได้ทันที

 แต่ถึงอย่างไรก่อนเข้าตัววิหารก็ต้องถอดรองเท้าฝากไว้ด้านหน้าก่อน ที่วัดนี้มีข้อดีคือไม่มีคนมารุมขายของไหว้พระและไม่ต้องเสียค่ากล้องถ่ายรูป มีเคาน์เตอร์ขายดอกไม้อยู่ข้างในอาคารเพียงแผงเดียวเท่านั้น

 ลงจากรถกันแล้วก็เดินเข้าไปข้างในผ่านประตูเข้าไปก็เห็นพระนอนเจาทัตยีองค์ใหญ่และยาวมาก วิหารเป็นอาคารโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่โตรับองค์พระองค์ใหญ่ชนิดที่กล้องทั่วไปไม่สามารถเก็บภาพทั้งองค์ได้ มีดวงตาสวยงามเป็นประกาย ขนตางอนเห็นได้ชัด คนไทยที่มาเที่ยวกันจึงเรียกกันว่าพระนอนตาหวาน ก็จริงอย่างที่เขาเรียกกันนะครับ

เรื่องพระนอนตาหวานนี้ ก่อนจะมาถึงขณะที่นั่งอยู่ในรถ นายซายซาย ก็เล่าก็อธิบายความเป็นมาต่างๆ ให้ฟังอย่างละเอียดแต่ผมก็จำไม่ค่อยได้

ไปเทียวพม่า พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี เทพกระซิบ

ซุ้มขาย ธูป เทียน แผ่นทอง และดอกไม้ไม้กำ มีซุ้มเดียว ไม่มีการขายแข่งกันหลายเจ้าให้ยุ่ง

   เราเดินไปซื้อดอกไม้ธูปเทียนที่ซุ้มขาย เขาก็จะมีแผ่นทองคำเปลวแผ่นเล็กให้มาด้วย เป็นชุดๆ ซึ่งราคาชุดละเท่าใดนั้นผมก็ไม่ได้ถามคุณหวานซึ่งเป็นคนไปซื้อ

 ในวันนี้ก็มีคนมากราบไหว้พระนอนตาหวานนี้มากพอสมควร และคงจะมีคนมาทยอยกันมาทั้งวัน มีพวกทัวร์มาก่อนแล้วสองสามพวก ที่เห็นชัดๆก็มาจากเวียดนาม เพราะว่าใส่หมวกกะโล่มาลักษณะเหมือนงอบผมจึงเดาจากที่เห็น ส่วนพวกอื่นนั้นไม่แน่ใจอาจจะมาจากไทย - ลาว - จีน และพวกฝรั่งก็มี

P1010100

ไปเทียวพม่า พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี เทพกระซิบไปเทียวพม่า พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี เทพกระซิบ

   

    ผมมีข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่ง เกี่ยวกับคณะทัวร์หลายๆคณะ มักจะมีโปรแกรมการท่องเที่ยวคล้ายๆกัน ซึ่งจะเห็นกันอยู่เสมอ ไปที่ไหนก็เห็นกันตามกันไป ซึ่งในการไปเที่ยวที่อื่นๆในวันอื่นๆอีกหลายที่ก็มักจะเจอกันเสมอๆ

   ไหว้พระกันเสร็จแล้ว ก็เดินชมไปรอบๆองค์พระ แล้วก็ถ่ายรูปเอาไว้เป็นที่ระลึก กันคนละรูปสองรูป ที่แห่งนี้ก็เหมือนที่แห่งอื่นๆ ที่เขาจะเขียนชื่อหรือประวัติ ของพระนอนองค์นี้เอาไว้บ้าง แต่ก็จะเป็นภาษาพม่า ซึ่งอ่านกันไม่ออกเลยก็เลยไม่รู้ว่าเขาเขียนอะไรบ้าง  ถามไกด์ๆก็บอกคร่าวๆเท่านั้น

   สถานที่แห่งนี้เราไม่ต้องเสียค่ากล้องถ่ายรูป หรือกล้องวีดิโอ เพราะว่ามีสถานที่บางแห่งต้องเสียค่ากล้องด้วยครับ โดยทั่วไปจะเสียเงินประมาณ 10 บาทหรือ 300 จั๊ด เท่านั้น ในกรณีที่เราไม่รู้ว่าต้องเสียเงิน ถ้าเจ้าหน้าที่เขาเห็นเราถือกล้องหรือถ่ายรูปอยู่ เขาก็จะมาสะกิดเราและยื่นบัตรใบเล็กมาให้ เราจ่ายเงินไปแล้วก็เก็บบัตรใบนั้นไว้ให้ดี เผื่อจะมีคนมาเก็บเงินเราซ้ำอีกครับ

ไปเทียวพม่า พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี เทพกระซิบ

พระพุทธไสยาสน์ เจาทัตยี หรือพระนอนตาหวานเป็นพระนอนปางพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ มีความยาวกว่า 70 เมตร เป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุดและมีความงดงามที่สุดในประเทศพม่า ทั้งพระพักตร์และขนตาที่งดงาม 

  โดยเฉพาะดวงตาของท่านเป็นแก้ว ผลิตมาจากประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะ รวมไปถึงพระจีวรที่มีความพลิ้วไหวเหมือนจริง  และเมื่อเดินมายังปลายสุดพระบาทของพระนอนองค์นี้  ตรงที่พระบาทมีภาพวาดประกอบด้วยลายลักษณ์ธรรมจักร ในบริเวณใจกลางฝ่าพระบาทและล้อมด้วย รูปมงคล 108 ประการ

   ส่วนที่บริเวณด้านหน้าวัดเจาทัตยีนั้น มีร้านค้าขายของที่ระลึกมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อ และมีการนำเอานก ปลา ให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อเพื่อนำมาปล่อย เหมือนที่เราเคยเห็นบ่อยๆตามวัดต่างๆที่เมืองไทยบ้านเราครับ และที่ร้านค้านี้แทบทุกร้านก็จะมีไม้แกะสลักเกือบทุกร้าน เพื่อจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว

ผู้ที่สนใจจะซื้อ ก็ต้องเลือกร้านที่มีความประณีตในการแกะสลักซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว และก่อนที่จะตกลงซื้อถามเรื่องราคาดูเสียก่อน ส่วนใหญ่พ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้จะพูดภาษาอังกฤษได้ มากน้อยก็แล้วแต่บุคคลครับ ก็ยังดีที่พอสื่อสารกันรู้เรื่อง แต่ถ้าสนใจจริงๆก็เรียกไกด์ของเราให้มาเจรจาให้ดีกว่านะครับ จะดีที่สุด

แต่เท่าที่ผมเห็น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มาในคณะผมนี้ ไม่มีใครสนใจซื้อ คงเป็นเพราะเหตุว่า จะกลายเป็นภาระที่จะต้องหอบหิ้วไป เพราะว่าพวกเรายังต้องไปอีกหลายที่ และต้องไปอีกหลายวันนะครับ

  พระนอนเจาทัตยีนี้ตามตำนานว่าไว้ว่าองค์ดั้งเดิมสร้างขึ้นในปี 1907 (พ.ศ.2450) ต่อมาเสียหายเนื่องจากสภาพอากาศจึงทำลายทิ้งในปี 1956 (พ.ศ.2499) และสร้างขึ้นใหม่ในปี 1966 (พ.ศ.2509) องค์พระยาวทั้งสิ้น 70 เมตร ซึ่งใหญ่กว่าพระนอนที่เมืองหงสาวดี

องค์พระมีลักษณะแบบพระพม่า หรือตามจังหวัดทางภาคเหนือของไทยเราคือหน้าหวาน และที่โดดเด่นของพระนอนองค์นี้คือตาหวาน สีสันหน้าตาตลอดจนสีเล็บสดใสทีเดียว อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาโดยละเอียดจะเห็นความประณีตของคนสร้างอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรอยพับ การทับซ้อนของจีวร และที่งดงามมากคือลวดลายอักขระบนฝ่าเท้า มองดูแล้วสวยงามที่สุด

  ก่อนที่จะเล่าเรื่องกันต่อไป ผมอยากจะบอกอะไรนิดหน่อยเกี่ยวกับเรื่อง เทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในเมืองพม่านี้ เพราะว่าที่เมืองพม่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย การที่พวกผมมาเที่ยวพม่ากันครั้งนี้ ก็จะเกี่ยวข้องกับสิ่งศักดิ์ของเมืองพม่าเป็นส่วนใหญ่ครับ และท่านผู้อ่านก็เอาไปเป็นความรู้นะครับซึ่งไม่เสียหายอะไร

   ที่พม่านั้นเขาเรียกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือเทพเจ้าต่างๆว่า นัต นะครับ  นัตมีความหมายเหมือนกับ เจ้าที่เจ้าทางหรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวพม่านับถือเป็นที่พึ่งทางใจกันมาช้านาน ตามตำนานบอกว่า ก่อนหน้าที่พระพุทธศาสนาได้ถูกสถาปนาขึ้นในพุกาม  นัตมีอิทธิพลต่อชาวพม่ามาก มีการทรงเจ้าเข้าผีกันปกติ และนัตที่ชาวพม่านับถือมีทั้งหมด 36 ตน

  ผมขอต่อตำนานอีกนิดนะครับ พระเจ้าอนิรุทธ์ หรือพระเจ้าอโนรธา (เป็นกษัตริย์องค์หนึ่งของพม่า) ผู้ซึ่งนำพระพุทธศาสนาเข้ามาเผยแพร่ได้พยายามให้ประชาชนเลิกนับถือนัต แต่ไม่สำเร็จ จึงได้มีการจัดระเบียบหรือควบคุม

  โดยทรงแต่งตั้งให้พระอินทร์เป็นนัตที่ 37 (เดิมมี 36 นัต ) ให้เป็นกษัตริย์แห่งนัต และสร้างความเชื่อว่า นัตมีหน้าที่คุ้มครองเมือง ดูแลพุทธศาสนสถาน เราจึงเห็นนัตอยู่ตามวัดและเจดีย์ต่างๆทั่วไป พร้อมทั้งตั้งศาลหลวงขึ้นที่เขาโปปา (Popa) หรือที่เรียกกันว่า “มหาคีรีนัต” ด้วย

   ออกจากพระนอนตาหวาน หรือ พระพุทธไสยาสน์ เจาทัตยี แล้วเราก็นั่งรถไปอีกไม่นานนักเพื่อไปสักการะ เทพอีกสองที่ซึ่งอยู่ไกล้ๆกัน และต้องถอดรองเท้าตามระเบียบเหมือนกัน ที่แรกนั้นคือ “อะมาดอว์เมียะ / เมี๊ยะนานหน่วย ”   ที่นักท่องเที่ยวคนไทยเรียกกันว่า "เทพกระซิบ" 

ซึ่งเป็นนัตอีกองค์หนึ่งที่คนไทยนับถือกันมาก ตำนานบอกว่า อะมาดอว์เมียะเป็นธิดาพญานาคที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาโดยเชื่อกันว่าถ้าไปกระซิบขอพรห้ามให้คนอื่นได้ยินแล้วก็จะสมหวัง

  มีคนบอกว่าให้ขอพรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าขอมากๆหรือหลายอย่างท่านเทพจะรับไม่ไหว เพราะว่าวันๆหนึ่งมีคนมาขอพรท่านมากเหลือเกิน ท่านอาจจะลืมพรหรือท่านอาจจะสับสนที่เราขอหลายๆอย่างก็ได้

 

ไปเทียวพม่า พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี เทพกระซิบ
ไปเทียวพม่า พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี เทพกระซิบ

อาคารทางด้านขวามือซึ่งเป็นอาคารสองชั้นนี่แหละครับ เป็นที่อยู่ของ เทพกระซิบ” หรือ “อะมาดอว์เมียะ อยู่ชั้นล่างข้างใน

   การที่มาขอพรหรือมาสักการะ เทพกระซิบนี้ ตอนแรกก็ต้องซื้อชุดดอกไม้ของเขาก่อนซึ่งกล่องเล็กๆ มีดอกมะลิ ในชุดนี้จะมีนมกล่องเล็กๆ ผมว่าน่าจะขนาด 100 ซี ซี เห็นจะได้ เสร็จแล้วก็มาเข้าคิวกันขอพร ต่อท้ายกันยาวเป็นแถว แต่ก็ไม่รอนานมากนักหรอกครับ เพราะว่าแต่ละคนที่ถึงคิว ก็รีบกระซิบ กันอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นคนหนึ่งๆจึงใช้เวลาเพียงนิดเดียวก็เสร็จแล้ว

  ขั้นตอนก็คือเอาดอกไม้ไหว้ท่านเทพเสียก่อน (มีเจ้าหน้าที่คอยบอก) แล้วก็โรยดอกไม้เป็นดอกมะลิที่ตรงหน้าท่านเทพ แล้วจึงเอาหลอดแทงเข้าไปที่กล่องนม เหมือนที่เราเคยกินนมกล่องนั่นแหละครับ เสร็จแล้วก็เอานมที่เสียบหลอดแล้วนี้เอาหลอดที่สำหรับดูดนั้นไปจ่อที่ริมฝีปากท่านเทพ สักครู่หนึ่งแล้วก็ส่งให้เจ้าหน้าที่ๆดูแลเอาไป จากนั้นก็ถึงตอนนี้ละครับ ที่เราต้องเอามือป้องปาก แล้วก็เอาปากของเราเข้าไปชิดที่หูของท่าน แล้วก็จะขออะไรก็ตามใจของคุณครับ เป็นอันเสร็จพิธี

ไปเทียวพม่า พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี เทพกระซิบ

ผู้คนเนืองแน่นกำลังเข้าคิวรอเพื่อไปกระซิบขอพร จากเทพกระซิบ ภายในตัวอาคาร

ไปเทียวพม่า พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี เทพกระซิบ

เขาจะก้มตัวลงกระซิบที่หูของท่านเทพแบบนี้ คนที่กำลังกระซิบนี้ไปคณะเดียวกับผม

20160423 152010

ไปเทียวพม่า พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี เทพกระซิบ
ผู้เขียนก็กระซิบกับเขาเหมือนกัน แต่กระซิบว่าอะไรนั้นเขาห้ามบอกใคร ถ้าบอกแล้วจะไม่สัมฤทธิ์ผลครับ
ไปเทียวพม่า พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี เทพกระซิบ

เทพกระซิบนั่งห่มผ้าสีเขียวหยกนี่แหละครับ นักท่องเที่ยวที่ไปกรุ๊ปเดียวกับผมกำลังบอกให้ลูกชายรีบกระซิบ เพราะว่ามีคนรออีกเยอะ

ไปเทียวพม่า พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี เทพกระซิบ

มีนักท่องเที่ยงกำลังรอคิวอีกเยอะ แต่ทุกอย่างก็เรียบร้อยไปด้วยดี

 

เมื่อพวกเราที่มาด้วยกันต่างกระซิบกันหมดเรียบร้อยแล้ว ก็พากันออกมาจากท่านเทพกระซิบ มาสวมรองเท้าที่ตรงบันใดด้านหน้า แล้วเดินกันเป็นกลุ่มตามไกด์ตรงไปที่อาคารของ " นัต " อีกตนหนึ่ง ก็คือ ท่าน "เทพทันใจ" ซึ่งอยู่ใกล้ๆกันนั่นเอง

 

ติดตามตอนต่าง ๆ ของเรื่อง "ไปเที่ยวพม่า" ได้ตามลิงค์ข้างล่างครับ

 

share now2