เรารักสุพรรณ สถานที่ท่องเที่ยวสุพรรณบุรี

 001

ส่วนหนึ่งของเด็กตลาดเจ็ดเสมียน คนนั่งข้างบนซ้าย คือคุณอุษา ชาญชาติณรงค์ เจ้าของร้านกาแฟโบราณ รุ่นที่ ๓ แห่งตลาดเจ็ดเสมียนในปัจจุบัน

เมื่อตกลงตามนั้นแล้ว ผมก็จูงรถจักรยานของผม จอดให้เข้าที่เข้าทางไต้ถุนบ้านกำนันนั้น แล้วจูงรถสามล้อของไอ้เล็ก ที่ผมเคยขี่เล่นทุกวัน เหยียบบันได แล้วตวัดขาขึ้นคร่อม

ออกแรงถีบที่บันไดของมัน รถเริ่มเคลื่อนที่ ทีแรกก็หนักหน่อย พอออกจากหน้าบ้านกำนัน ขึ้นสู่ถนนแล้วรถก็เบาขึ้นขี่ไปได้อย่างสบาย ผมดีดกระดิ่งรถสามล้อคันนี้เล่นไปตลอดทางเมื่อเจอคนรู้จักกัน ขี่รถจักรยานสวนทางมาแล้วก็ยิ้มให้เหมือนกับว่า ให้ดูผมซี่ผมถีบรถสามล้อก็เป็นนะ โก้ไหมล่ะ...!

สักพักใหญ่ๆผมก็ดั้นด้นมาถึงทางเข้าวัดท่ามะขาม ขี่สามล้อเข้าไปอีกสักประเดี๋ยวก็เห็นหมู่คนกลุ่มใหญ่ กำลังตั้งหน้าตั้งตาขุดดินหาเปลือกหอยกาบกันใหญ่ คงจะเป็นจริงอย่างที่ลุงคนนั้นบอก ขุดให้ลึกๆหน่อยก็เป็นเจอเปลือกหอยกาบทั่วไปหมด ทุกคนที่มาขุดนั้นจึงได้กันคนละมากๆ ถ้วนทั่วทุกตัวคน ได้ยินเสียงพูดคุยกัน เฮกันตลอดเวลาที่พบเปลือกหอยกาบ

chetsamian 378 1 

นายเหม่ง (คนอง คุ้มประวัติ) คนขวา ส่วนคนซ้ายนั้นเป็นลูกชายกำนัน ชื่อ ศักดา วงษ์ยะรา
เมื่อมาถึงแล้วผมรีบจอดรถสามล้อเอาไว้ข้างถนนบนไหล่ทาง ซึ่งมีรถจักรยาน รถรุนและอื่นๆจอดอยู่เป็นแถวยาวอยู่แล้ว

ไอ้เหม่งเพื่อนรุ่นน้องของผมนั่งอยู่ที่ปากหลุม เมื่อเห็นผมแล้วมันก็ทำท่าดีใจ ไม่น้อยกว่าผมที่เห็นผมเอารถสามล้อมาได้

มองดูทั่วๆแล้วไอ้ธรและคนอื่นๆ ก็ได้เปลือกหอยทุกคน แล้วแต่ว่าใครจะเอากระสอบมาใส่มากน้อยแค่ไหนก็ได้เท่านั้น

แต่ไอ้การที่จะย้อนกลับมาเอาอีกนั้น ผมก็คิดว่าหมดสิทธิแล้ว  ถ้าเราจะเอาตรงนี้อีกต่อไป เราก็ต้องมีคนเฝ้าตลอดคืนนี้อีกด้วย คงไม่มีใครยอมมาเฝ้าแน่ๆเลย ถ้าเราละไปก็ต้องมีคนอื่นเข้ามาครอบครองอย่างแน่นอน จึงต้องตัดใจแล้วได้แค่นี้ก็ยังดีกว่าไม่ได้เลย

ผมถามไอ้ธรว่า

“แล้วมึงจะเอากลับอย่างไรวะ”  ไอ้ธรบอกว่า

“ตอนนี้ให้เด็ก (รุ่นน้องคนหนึ่ง) ที่มาด้วย ถีบจักรยานกลับไปตามรถสามล้อมาแล้ว อีก ๒ – ๓ คัน เผื่อไอ้อู๊ด ไอ้วี ด้วย เดี๋ยวคงจะมากันได้หรอก เพราะว่าเราก็ให้ค่าจ้างเขา”  (รถสามล้อในเจ็ดเสมียนที่วิ่งรับคนในตอนนั้น จำได้ว่ามีประมาณ ๗ หรือ ๘ คัน จำนวนนี้รวม สองคันของไอ้เล็กและไอ้นิดด้วย )

ไอ้ธรบอกอีกว่า

“ถ้าสามล้อมันมาแล้ว ก็จะบรรทุกคันละ ๒ กระสอบ เสร็จแล้วเราก็จะถีบจักรยานตามมันไป แล้วจะไปลงที่บ้าน ป้าฮวยเลย ขายเสร็จแล้วก็จ่ายค่ารถสามล้อมันตรงนั้นเลย”

ก็ดีเหมือนกัน เป็นความคิดที่ดีของไอ้ธรมัน แต่ผมและคนอื่นๆก็คิดแบบเดียวกับมันนั่นแหละ เรื่องอะไรจะเอาไปตุนเอาไว้ที่บ้านก่อน

ส่วนผมกับไอ้เหม่งนั้นคิดว่าจะไปก่อนมันดีกว่าไม่รอมันแล้ว เพราะรถของเรามาแล้วและพร้อมแล้วที่เอาของขึ้น เปลือกหอยสองกระสอบนี้อย่างน้อยก็คงจะได้สัก ๒๐๐ บาท ให้ค่ารถของไอ้เล็กมัน สักสิบบาทเป็นค่ารถของมัน

10209

 เมื่อครั้งเพื่อนๆที่เคยอยู่ที่เจ็ดเสมียนด้วยกัน ได้กลับมาพบกันอีกครั้งหนึ่ง

ผู้เขียน (เสื้อลายแดง) นั่งติดกับนายอู๊ด (โอฬาร ลักษิตานนท์) ถัดไปคือนายโห้ (สุรพงษ์ แววทอง) คนยืนริมขวามือสุดนั้นคือ นายวี (ทวี ชาญชาติณรงค์) นายธร (สาธร วงษ์วานิช) คนยืนที่สองจากทางซ้าย

ที่เหลือก็แบ่งให้ไอ้เหม่งมันคนละเท่าๆกัน เพราะว่าปฏิบัติการกันแต่ละครั้งนั้น  ผมไม่เอาเปรียบใครต้องเท่าๆกันเสมอ (มีเรื่องที่ผมปฏิบัติการต่างๆกับไอ้เหม่งหลายเรื่อง แล้วผมจะเล่าในโอกาสต่อไป)

ผมเอารถสามล้อเลื่อนมาจอดที่บนถนนให้ใกล้ที่สุดโดยเลื่อนรถจักรยานที่จอดอยู่ ออกจากตรงนั้นไปสามคัน กะให้ตำแหน่งที่จะเอากระสอบขึ้นใกล้ที่สุด แล้วจะได้ไม่ยกไกล

ผมกับไอ้เหม่งก็ช่วยกันกลิ้งกระสอบป่านนั้นไปที่ริมถนน ที่รถสามล้อจอดอยู่ ตอนกลิ้งไปก็ลำบากพอดูเหมือนกัน เพราะต้องหลบหลุมที่เขาขุดหาเปลือกหอยเอาไว้

บางทีก็พลาดไปชนมูลดินที่เขาขุดขึ้นมาแล้ว กลับพังลงไปอีก เจ้าของหลุมมันมองตาเขียว ผมก็ต้องอ่อนเข้าไว้ ขอโทษเขาตะพืดไปหมดจนในที่สุดก็เอาขึ้นรถจนได้

เหนื่อยแทบตาย แต่ในเมื่อทำมาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องทำให้สำเร็จ เผื่อจะได้มีสตางค์ไปเที่ยวที่ตลาดในตัวจังหวัดหรือว่าตัวอำเภอโพธารามบ้าง เมื่อเอากระสอบที่อัดแน่นไปด้วยเปลือกหอยกาบขึ้นรถสามล้อได้แล้ว  ผมก็ก้าวขึ้นคร่อมอานทันที

1392 1 

สถานีรถไฟเจ็ดเสมียนหลังเก่า อายุเกือบร้อยปี ปัจจุบันสร้างใหม่แล้ว ตลาดเจ็ดเสมียนอยู่หลังสถานีรถไฟนี้

ไอ้เหม่งจูงรถจักรยานตามมาแล้วตั้งขาตั้งจักรยานไว้ อ้อมไปทางด้านหลังแล้วตะโกนบอกผม

”พี่ผมเข็นนะ”

ไอ้เหม่งบอกแล้วออกแรงผลักนำ ส่งเสียงในลำคอดัง อึบ อึบ ให้รถสามล้อมันเลื่อนที่อย่างช้าๆ เพื่อเริ่มออกวิ่ง ผมเริ่มต้นเกร็งขาถีบ แล้วรถก็เลื่อนไปเรื่อยๆ

ผมคิดไม่ถึงอีกแล้วสามล้อบรรทุกของหนักๆนี้กับสามล้อเปล่าๆ ที่ผมเคยซ้อมถีบเล่นที่หน้าโรงเรียนนั้นมันไม่เหมือนกันมันผิดกันไกล

ยิ่งบรรทุกเปลือกหอยกาบสองกระสอบนี้ หนักตั้ง ๑๐๐ กว่ากิโลนั้น มันทั้งหนัก แฮนด์  (มือจับบังคับ) ก็แข็งมาก อืดมากถีบไม่อยากจะออกเลย

ต้องเกร็งขาถีบมันบันไดมันออกแรงเสียหน้าแดงก่ำ มันจึงค่อยๆคลานไป ผมอยากจะให้ไอ้เหม่งมันมาช่วยเข็นตลอดไปจริงๆ แต่ไอ้เหม่งมันก็ขี่จักรยานของมันอยู่ มันจะจอดจักรยานแล้วมาเข็นให้ก็ไม่ได้ ผมจึงต้องถีบบันไดมันเสียหน้าแดงทีเดียว เพื่อให้มันเคลื่อนที่

อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญกว่ารถหนัก ก็คือเมื่อบรรทุกของหนักๆอย่างนี้ แฮนด์ มันขืนน่าดูเลย ผมต้องออกแรงขืนหน้ามันให้มันวิ่งไปตรงทางที่เราต้องการ  ถ้าตอนไหนทางมันเอียงๆ รถสามล้อที่หนักๆอย่างนี้มันก็จะวิ่งลงไปที่ทางเอียงๆ นั้น

ผมพยายามเหลือเกินทีจะขืนมันไว้ แต่มันก็หนักจริงๆพับผ่าซี ผมถีบวิ่งไปเรื่อยๆ ไอ้เหม่งก็ขี่จักรยานของมันตามหลังมาไม่ห่าง เข้ามาจากหนองบางงู มาได้เกือบครึ่งทางแล้ว แถวๆหน้าบ้านครูตลับ พอเลยบ้านครูตลับมาได้หน่อยหนึ่ง ทางด้านซ้ายมือเป็นทางลาดอียงลงไป

มีรถยนต์ดอจ์ด (ที่เรียกว่าดอจ์ดสหะ คือรถสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง) ลักษณะเป็นรถบรรทุกคันหนึ่ง เขาคงวิ่งไปส่งของที่ในตลาดเสร็จแล้ว วิ่งออกมาสวนกับผมตรงเยื้องๆกับหน้าบ้านครูตลับพอดี 

ผมบอกแล้วไงถนนทางด้านซ้ายมือของผมลาดเอียงลงไปพอสมควร เมื่อรถยนต์ดอจ์ดคันนั้นหลีกผมไปแล้ว ผมก็มาถึงตรงที่ลาดเอียงนั้นพอดี ทำให้รถสามล้อของผมที่หนักอึ้งนั้น ล้อข้างซ้ายตะแคงไปตามทางที่ลาดเอียง ทำให้แฮนด์  (มือจับบังคับเลี้ยว ของรถทำท่าจะหักไปทางซ้ายด้วย

16 1        

รถบันทุกที่เห็นในภาพนั้น แบบนี้แหละที่เรียกว่ารถ     "ดอร์ดสหะ"

ผมพยายามขืนแฮนด์มันกลับมาจนสุดฤทธิ์ รถก็ยังทำท่าจะไหลลงไปทางซ้ายตามนั้น ผมพยายามขืนอย่างหนัก แต่ขืนเท่าไรก็ขืนไม่ขึ้นเสียแล้วเพราะรถหนัก ล้อหน้าบิดไปตามทางที่ลาดนั้น

ทำให้รถวิ่งพรวดลงไปข้างทางทันที  ไอ้เหม่ง ร้องตะโกนดังลั่น

“เฮ้ย เฮ้ย อะไรกันวะ  พี่เก้วทำไมมันเป็นอย่างนั้นล่ะ ดึงขึ้น ดึงขึ้นเร๊ว”

มันทิ้งรถจักรยานโครมกระโดดเข้ายื้อ ดึงรถสามล้อด้านท้ายเอาไว้  ผมเหยียบเบรกเต็มแรงล้อหยุดหมุนทันที 

แต่อย่างไรก็เอามันไม่อยู่เสียแล้ว ล้อมันหยุดหมุนก็จริงแต่ตัวรถก็ยังไถลพรืดลงไปเรื่อยๆ เดชะบุญ ถนนช่วงนั้นจากไหล่ทางลงไปมันไม่ลึกมากนัก แต่ความหนักของรถทำให้มันมีแรงส่งวิ่งพรวดลงไปข้างทางอย่างรวดเร็ว

ไอ้เหม่งปล่อยมือจากรถแล้ว ยืนหอบตรงริมถนนไม่รู้จะช่วยอย่างไรได้ สามล้อก็ลงไปข้างล่างแล้ว

ผมซึ่งอยู่บนอานรถนั้นอยากจะกระโดดหนีออกจากรถ แต่เหตุการณ์มันพริบตาเดียว จะกระโดดก็ไม่ทันเสียแล้วจึงต้องติดรถไปกับมันด้วย รถมันก็ตะลุยลงไปผ่านกอหญ้าคาที่ขึ้นอยู่ริมถนนนั้นก่อน แล้วก็เลยไปเหยียบดงต้นดอกลำโพงกระจาย หักล้มระเนระนาด ดอกลำโพงปลิวว่อน เหม็นหึ่ง 

พ้นต้นดอกลำโพงไปแล้วรถก็ยังไม่หมดแรงวิ่ง พ้นจากต้นดอกลำโพงไป ก็เป็นดงของ หนามพงดอ กลุ่มเบ้อเร่อ เคยเห็นไหมครับต้นหนามพงดอ ที่มีหนามแหลมๆ ถ้ามันปักแล้วปลายหนามที่ดำๆ มักจะหักติดกับเนื้อเราเลยแล้วก็ปวดน่าดู บ่งก็ไม่ค่อยอยากจะออกนี่แหละหนามพงดอละ

ผมมองเห็นต้นหนามพงดอ ดงใหญ่อยู่ข้างหน้า ผมตกใจสุดขีดอยากจะกระโดดออกจากอานรถคันนี้ แต่อะไรๆมันก็ไม่ทันแล้วเหตุการณ์มันเกิดเร็วมาก พริบตาเดียวผมได้ยินเสียดังโครม  ล้อหน้าของสามล้อคันนี้ไปสะดุดหินก้อนใหญ่ ซึ่งอยู่ริมกอหนามพงดอนั่นเอง

กระสอบเปลือกหอยกาบ ๒ กระสอบ หลุดกระเด็น ออกไปอยู่ในดงหนามพงดอ ล้อหน้าบิดเป็นเลข 8 ทันที ตะเกียบคู่หน้าสองข้างนั้นงอบิดเบี้ยวดูไม่จืด เพราะว่ามันกระทบกับหินก้อนใหญ่อย่างจัง  ล้อหลังสองล้อนั้น กระดกลอยขึ้น แล้วตกลงมาอยู่อย่างเก่า โดยไม่ได้ตีลังกาหงายท้องไปด้วย

ในขณะที่ท้ายรถกระดกขึ้นไปแล้วตกลงมาที่เก่าดังปึงนั้น ตัวของผมก็กระดอนหลุดจากอานรถ ตกลงไปที่กระบะท้ายตรงเบาะคนนั่งเสียงดังโครม

scan0014 1 

นายเหม่ง (คนอง คุ้มประวัติ) อุ้มน้องที่หลังบ้านห้องแถวในตลาดเจ็ดเสมียน

เดชะบุญของผมที่ไม่ได้ตกลงไปในดงหนามพงดอด้วย ถึงอย่างไรผมก็ไม่ยอมตกลงไปในดงหนามพงดอแน่ ถ้าตกลงไปแล้วตัวของผมก็คงจะพรุนไปด้วยหนามของมัน ปลายของหนามพงดอที่เป็นสีดำๆถ้ามันได้ทิ่มเข้าไปแล้ว มันก็จะหักคาบ่งมันออกปีหนึ่งก็ไม่หมด

เมื่อผมตกจากอานรถลงไปที่เบาะท้ายแล้ว มันก็สงบนิ่งอยู่ตรงนั้น ผมค่อยๆลุกออกจากกระบะท้ายรถ สามล้อคันนั้นอย่างยากเย็น ไอ้เหม่งรีบเข้าจับตัวผม แขนขาผมขัดยอกไปหมด

ตอนกระเด็นตกลงมาที่กระบะรถนั้น หงายหลังลงอย่างไม่เป็นท่า กระดูกสันหลังแทบหักเจ็บกระดูกก้นกบไปอีกเป็นเดือน ล้อหน้าของรถนั้นบิดเบี้ยวเป็นเลข 8 เกยอยู่บนหินใหญ่ก้อนนั้นพอดี

ไอ้เหม่งถามผมด้วยความห่วงใยว่า เป็นอะไรหรือเปล่า ผมบอกว่าไม่เป็นอะไรแค่ถลอกและเจ็บเอว เจ็บตรงก้นกบนิดหน่อยเท่านั้น

ผมปล่อยรถสามล้อคันนั้นให้อยู่ในสภาพอย่างนั้นไปก่อน เพราะไม่มีแรงไปกู้มันหรอกในตอนนี้ ส่วนกระสอบเปลือกหอยกาบสองกระสอบนั้น มันก็กลิ้งเข้าไปในดงหนาม แต่ไม่ลึกมากนักหาไม้ตะขอมาเกี่ยวเอาก็คงไม่ยากเย็นเท่าไรนัก

ผมกับไอ้เหม่งสองคน พากันไปนั่งที่โคนต้นหว้าใหญ่ริมถนน เผื่อพวกไอ้ธรมันกลับมาผ่านเรา จะได้เห็นเรา แล้วมันก็คงรีบลงมาช่วยเหลือ อย่างแน่นอน แล้วผมก็คุยกับไอ้เหม่งด้วยความวิตกกังวล เรื่องรถสามล้อคันนี้ของไอ้เล็กมัน จะเอาอย่างไรดี

ทั้งตะเกียบคู่หน้า ทั้งล้อ และซี่ลวดชุบโครเมี่ยม บิดเบี้ยวหมด แล้วไม่รู้ว่าไอ้เล็กมันจะโกรธขนาดไหน ถ้ามันมาเห็นรถของมันพังขนาดนี้  ไม่เป็นไรหรอกน่าใจดีสู้เสือเข้าไว้ ไอ้เหม่งมันออกปากปลอบใจผมอย่างนี้

450 10

นายธร (สาธร วงษ์วานิช) ในปัจจุบัน ภาพนี้ตอนไปเที่ยวประเทศตุรกี

ตอนนั้นบ่ายมากแล้วขบวนรถของไอ้ธร มันกำลังจะมาถึงพอดี เสียงคุยกันเอะอะดังลั่น ได้ยินล่วงหน้ามาแต่ไกล ต่างคนต่างคุยโม้ทับกันในเรื่องการขุดหาเปลือกหอยในวันนี้ พอพวกมันจะผ่านผมกับไอ้เหม่งไป

พวกมันก็เหลือบเห็นผมกับไอ้เหม่งนั่งอยู่ที่โคนต้นไม้ข้างทาง เสียงคุยโม้กันนั้นหยุดกึกในทันทีที่เห็นผมและไอ้เหม่ง เสียงพวกมันหัวเราะกันใหญ่แทนที่จะรีบเข้ามาช่วยเหลือ เหมือนว่าเป็นของขำเสียเต็มประดาที่เห็นรถสามล้อตกลงไปข้างทางล้อบูดเบี้ยวอยู่

สักครู่หนึ่งไอ้ธร และเพื่อนอีกสองสามคนก็พากันจอดรถลงมาดูเหตุการณ์ ส่วนคนอื่นๆในขบวนของเขาต่างก็ล่วงหน้าไปก่อน แล้วก็ซักไซ้ไล่เรียงผมว่า เพราะเหตุใดรถมันจึงลงจากถนนไปคาอยู่ที่ดงหนามพงดออย่างนี้  ผมก็บอกพวกมันไปตามความจริง เมื่อเห็นว่าผมไม่เป็นอะไรแน่แล้ว ไอ้ธรมันก็บอกว่า

“ กูไปก่อนละมึงอยู่ตรงนี้ก่อน กูจะไปบอกไอ้เล็ก ให้มาเอารถของมันไปซ่อม มึงไม่ต้องห่วงหรอกนะ “

“และมึงก็ไม่ต้องตกใจและคิดมากไปหรอก เงินค่าซ่อมมึงก็มีอยู่แล้ว เปลือกหอยกาบในกระสอบนั่นยังไงล่ะ...!

 

IMG 4209

นายแก้ว  ผู้เขียน ๘ มกราคม ๒๕๖๐