เรารักสุพรรณ สถานที่ท่องเที่ยวสุพรรณบุรี

 

400 b 

ตลาดเจ็ดเสมียนแถวเก่า ห้องของป้าฮวยแต่เดิมอยู่ตรงซุ้มขายของ ถัดจากร่มแดงไป

 ดังนั้นที่บ้านป้าฮวย ที่ตลาดนอกในห้องแถว ที่ทำไว้เพื่อรองรับเปลือกหอยกาบนี้ ก็เริ่มมีคนทยอยมาขายเปลือกหอยกาบมาให้ป้าฮวยเรื่อยๆแล้ว มีคนเอามาขายทุกวัน มากบ้างน้อยบ้าง

ในตอนนั้นผมสังเกตว่า วันหนึ่งๆในตอนที่ป้าฮวยแกรับซื้อแรกๆนั้นคงไม่น้อยกว่า ๑๐๐ –  ๒๐๐ กก. เป็นแน่ เพราะผมเห็นว่าปริมาณเปลือกหอยในห้องแถวของป้าฮวย ที่ตลาดนอกนั้นเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆเลยทีเดียว

ท่านผู้อ่านอาจจะสงสัยว่าแล้วพวกผมไม่ไปเที่ยวหา ขุดเปลือกหอยกาบมาขายให้ ป้าฮวย แกบ้างเลยหรือ ทั้งๆที่โรงเรียนก็ปิดอยู่ พวกผมก็พยายามสืบเสาะหาแหล่งอยู่ครับ พวกผมโดยเฉพาะ ไอ้เหม่ง (คะนอง คุ้มประวัติ) คู่หูของผมที่บ้านห้องแถวในตลาดเจ็ดเสมียนติดกัน ก็ถีบจักรยานเที่ยวไปหาเปลือกหอยกาบมาขายให้ป้าฮวยเหมือนกัน 

แต่เปลือกหอยกาบมันมีน้อย แหล่งที่มีมากๆอาจจะมี แต่ผมไม่รู้จักแหล่งนี่ครับ ผมก็จนปัญญาไม่รู้ว่าจะไปขุดมันขึ้นมาจากที่ไหน เพื่อมาขายเอาเงินป้าฮวยไปกินขนมได้

ในตอนเกือบค่ำผมชอบคด (ตกข้าวใส่จาน) ข้าวมาคุยกับไอ้เหม่งที่ร้านหน้าบ้าน ผมคุยกับไอ้เหม่ง และเพื่อนๆอีกหลายคนว่า อยากจะลองไปงมแถวๆ วังอีหนีบ เหมือนกับที่คนอื่นๆมางมกันบ้าง

แต่คิดไปแล้ว เรายังเด็กๆกันอยู่ คงไม่มีกำลังที่จะดำลงไปลึกๆ อย่างนั้นได้ก็เลยลงมติกันว่า งดกันไว้ก่อนดีกว่ามันไม่คุ้ม กับการที่จะเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา และไม่อยากให้หมอละออง (ไม่ได้เป็นนายแพทย์แต่เขาเรียกกันอย่างนั้น อดีตทหารเสนารักษ์) มาฉีดยาให้ เพราะพวกผมเป็นโรคกลัวเข็มฉีดยาเป็นอย่างมาก

ต่แล้ววันหนึ่งหลังจากที่ป้าฮวยแกประกาศรับซื้อเปลือกหอยได้ไม่กี่วัน ในตอนสายๆมีคนถีบจักรยานมาจากวัดท่ามะขาม (ออกจากตลาดไปทางหนองบางงู แล้วก็เลยหนองบางงูไปไม่ไกลมากนัก)คนหนึ่ง

 20100209 2086873044

อาคารโรงเรียนวัดเจ็ดเสมียนสมัยแรกๆ ปัจจุบันรื้อไปหมดแล้ว

แกมาซื้อของที่เจ็ดเสมียน และคงจะมาหาญาติของเขาที่ตลาดนี้ ซึ่งผมก็เคยเห็นเขาบ้างเหมือนกัน  แกไปนั่งกินโอเลี้ยงที่ร้านเฮียแก่เล็ก ตอนนั้นผมกับไอ้ธร และ ไอ้วีกำลังนั่งเล่น หลิ่วคิ้วกันอยู่ตรงหน้าร้านเฮียแก่เล็กพอดี เกือบจะแพ้ชนะกันอยู่แล้ว

หลิ่วคิ้วนี้ก็เป็นการพนันชนิดหนึ่ง ที่เด็กๆที่ตลาดเจ็ดเสมียนชอบเล่นกัน มันก็เหมือนกับการเล่นไพ่และการพนันชนิดอื่นๆ พวกผมชอบเล่นกันมากมันสนุกดี และมันเล่นง่ายเอาชนะกันเฉยๆ สำหรับพวกผมไม่มีการกินสตางค์กันเพราะว่าไม่มีสตางค์ติดกระเป๋ากันหรอกครับ

บางท่านอาจจะไม่ทราบก็ได้ว่าอะไรคือหลิ่วคิ้ว แล้วเล่นกันอย่างไร ผมจะบอกให้สักเล็กน้อยก่อนนะครับ อาจจะงงๆ กันบ้าง เพราะว่าจากนั้นมาผมก็ไม่ได้เห็นมานานหลายสิบปีแล้ว

หลิ่วคิ้วนี้เป็นการเล่นการพนันของคนจีนครับ สมัยที่ผมเป็นเด็กที่เจ็ดเสมียนนั้นนิยมเล่นกันมาก ลักษณะของมันทำมาจากไม้กลึงให้กลมๆ เป็นเหมือนเหรียญ ๒ บาทสมัยนี้ แต่หนากว่ามาก มีตัวอักษรภาษาจีนแกะสลักลงไปในแป้นไม้นั้น

จากตัวที่เป็นใหญ่ที่สุดคือกินตัวอื่นๆได้ทุกตัว ซึ่งผมจะลองเรียงลำดับดู อาจผิดพลาดไปบ้างก็ขออภัยด้วย เพราะว่าเล่นกันมานานแล้ว คือ อั้งตี่  โอวตี่  อั้งสือ โอวสือ  อั้งกือ   โอวกือ  อั้งเฉีย โอวเฉีย อั้งเผ่า โอวเผ่า อั้งเบ้ โอวเบ้ อั้งจุ๊ด โอวจุ๊ด อั่งเลี๊ยบ โอวเลี๊ยบ (อั้ง = เป็นตัวหนังสือจีนสีแดง โอว = เป็นตัวหนังสือจีนสีดำ)

ตัวสุดท้ายนี้มีศักดิ์ศรีที่เล็กที่สุดกินใครไม่ได้เลย ที่เรียงมานี้ก็จากใหญ่ไปหาเล็กนะครับ วิธีการเล่นนี้ก็คือแจกเม็ดหลิ่วคิ้วนี้ให้เท่าๆกันทุกคน โดยคว่ำหน้าอย่าให้เห็นแล้วแต่ละคนที่เล่น ค่อยๆเอาออกมาแล้วหงายขึ้น ใครมีตัวใหญ่สุดก็กินไปจนกว่าจะหมด ใครได้กินมากสุดท้ายก็จะชนะไป อธิบายไม่ละเอียดคงงงๆกันบ้างนะครับ แต่อย่าไปสนใจอะไรมากเลยมาดูเรื่องของเราต่อดีกว่าครับ

มาเข้าเรื่องกันต่อครับ ลุงคนที่มาจากท่ามะขามนั้น ผมไม่รู้จักชื่อได้ยินเฮียแก่เล็กเรียกแกว่าลุงชู แกเห็นผมและเพื่อนๆเล่น หลิ่วคิ้วกันเพลินๆ จึงเดินมาแล้วเอ่ยปากบอกว่า

 "ทำไมไม่ไปหาเปลือกหอยกาบ มาขายให้กับยายฮวยกับเขาบ้างล่ะ"   

ผมก็บอกว่า "เคยเที่ยวไปหาขุดตามที่เขาทิ้งขยะเหมือนกันแต่ไม่ค่อยมีไปขุดอีกหลายๆที่ก็ไม่มีเลย และไม่ค่อยรู้แหล่งด้วยจึงขี้เกียจไปหาแล้วหมดปัญญา

ลุงชูคนที่มาจากท่ามะขามจึงบอกว่า

"เมื่อตอนเช้าก่อนที่จะมาที่นี่นั้น เห็นคนที่ท่ามะขามเขาเริ่มมาขุดหาเปลือกหอยกาบกันแล้วแต่ยังไม่มากนัก ที่ซอยทางเข้าวัดท่ามะขามก่อนถึงวัดสักหน่อยหนึ่งทางด้านซ้ายมือ ตรงที่เป็นเหมือนร่องน้ำมีต้นไม้และกอไผ่ปกคลุม ครึ้มไปหมดนั้นแหละ"

ผมกับเพื่อนๆนั่งฟังแกบอกเงียบๆทำตาปริบๆ และคิดว่านี่คือข่าวดีที่ลุงชูแกมาบอก ลุงชูแกพูดอีกว่า 

"เขาลือกันว่าเมื่อสมัยก่อนเป็นหลายล้านปี ที่ล่วงมาแล้ว ในบริเวณนั้น หรือจะเป็นท่ามะขามทั้งหมดก็ได้ เคยเป็นที่ๆน้ำท่วมมาก่อน  แล้วกาลเวลาล่วงเลยมานาน น้ำที่ท่วมนั้นก็แห้ง ภูมิประเทศเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

ภายไต้พื้นดินบริเวณนี้จะเป็นที่สะสมของเปลือกหอยนานาชนิด รวมทั้งหอยกาบด้วย"

ลุงชูหยุดพูดนิดหนึ่งแล้วพูดต่อ 

"จนเดี๋ยวนี้ลุงคิดว่า ตรงบ่อนั้นคงมีเปลือกหอยกาบและหอยอื่นๆมากมายสะสมอยู่อย่างแน่นอน อยู่ว่างๆไม่ลองไปขุดหาดูหรือ"

ผมฟังแล้วก็เลยถามลุงชูไปว่า

"แล้วลุงไม่ลองไปขุดดูบ้างหรือ" 

ลุงชูแกตอบว่า

"พอดีเช้านี้ต้องมาธุระที่ตลาดนี้ก่อน บ่ายๆนี้แหละจะลองไปขุดดู"

แกว่าอย่างนี้ก็ได้เรื่องแล้วซีพวกผมมันอยู่นิ่งได้เสียเมื่อไร แม่ไอ้เหม่งยังเคยว่าพวกผมว่า  

“พวกมึงทำไมไม่หยุดนิ่งๆกันบ้าง เวียนหัวจะตายอยู่แล้ว”  

เมื่อพวกผมได้ข่าวเช่นนี้ หัวสมองก็นึกแว๊บขึ้นมาทันที นึกไปที่ซอยวัดท่ามะขาม นึกไปตรงสถานที่ๆลุงชูแกมาบอก ผมรีบถามไอ้ธรว่า  

"จะไปดูกันไหม ถีบจักรยานไปกันคนละคัน สามคนเราไอ้วีด้วย" 

แต่ทั้งคู่นี้มันไม่อยากไปเพราะว่ามันไม่แน่ใจว่า จะจริงตามที่ลุงชูคนท่ามะขามมาบอกหรือเปล่า ตำบลท่ามะขามมันก็ไม่ใช่ใกล้ๆ  ออกไปทางหนองบางงู แล้วยังต้องเข้าซอยไปอีก เป็นระยะทางเกือบ ๔ กิโลเมตร

ที่จริงแล้วท่ามะขามนี้พวกผมก็เคยไปเที่ยวยิงนก และไปตีผึ้งกับเฮียเต้ว (เพื่อนรุ่นพี่) พร้อมด้วยเพื่อนๆอีกหลายคนบ่อยๆ

นอกจากนั้นผมและพรรคพวกเช่นไอ้เหม่ง ไอ้จุ้ยน้องของไอ้เหม่ง ไอ้โห้ ไอ้แอดก็เคยตาม ลุงหงวน เตี่ยไอ้โห้ ไปทอดแหแถวๆท่ามะขามหลายครั้งแล้ว (ลุงหงวนเตี่ยไอ้โห้เดิมแกเป็นคนท่ามะขาม) 

เมื่อได้ปลามากแล้วส่วนใหญ่เป็นปลาช่อนซึ่งมีชุกชุม ขากลับบ้านในตอนเย็นๆ ลุงหงวนแกก็จะแบ่งปลาที่จับได้ให้กลับไปบ้าน คนละตัวสองตัวด้วย เป็นรางวัลที่ได้ช่วยกันงมปลา จากการทอดแหแบบจมลงไปแล้วกระโดดลงไปงม ของลุงหงวนเตี่ยไอ้โห้

แต่เที่ยวนี้ไอ้ธร (สาธร วงษ์วานิช) กับไอ้วี (ทวี แซ่ชื้อ) มันไม่อยากไปเฉยๆอย่างนั้นแหละ มันคงอยากเล่นหลิ่วคิ้วของมันต่อแน่ๆเลย เมื่อเพื่อนทั้งสองไม่ไป ผมก็เลยเล่นหลิ่วคิ้วกับพวกมันอีกสองสามตา ก็เลิกเล่น

ผมบอกมันว่า

"จะลองถีบจักรยาน ไปซอยวัดท่ามะขามไปดูตรงสถานที่ๆลุงคนนั้นเขาบอก มันจะจริงอย่างที่เขาว่าหรือไม่"

ไอ้ธรบอกว่า "เออก็ดีเหมือนกัน แล้วเป็นอย่างไรกลับมาบอกกูด้วยล่ะ"

และเมื่อไอ้สองคนนี้มันไม่ไปแล้ว ผมก็คิดหาเพื่อนที่จะไปด้วยอีกสักคนหนึ่ง จะได้ไปเป็นเพื่อนกัน  ผมจึงคิดถึงไอ้เหม่ง เพราะว่าที่ผ่านๆมาไอ้เหม่งมันก็ไปไหนต่อไหนผจญภัยกับผมเยอะแยะ แล้วมันก็เป็นคู่หูกับผมมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ครอบครัวมันย้ายมาจากบ้านเดิมที่ตำบลบางโตนดโน่น (บางโตนด เป็นตำบลหนึ่งใน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี)

 20090928 1926557368

ป้าม่อมแม่ของคุณคนองและเด็กสาวตลาดเจ็ดเสมียนกำลังใส่บาตรในตอนเช้าที่ตลาดเจ็ดเสมียน

 หมู่นี้มันไม่ค่อยได้ออกไปไหนกับผมบ่อยๆ เพราะว่าแม่มันดุเอาเรื่อยๆ แม่ก็เป็นห่วงลูกอย่างนี้แหละ เป็นของธรรมดาแม่ผมก็เหมือนกันดุด่าว่ากล่าวอยู่บ่อยๆ  แต่ผมคิดว่าเรื่องชวนกันไปหารายได้ ด้วยตัวเองอย่างนี้คงไม่เป็นไร

เพราะว่าถ้าโชคดีก็อาจจะขุดเปลือกหอยกาบได้ แล้วเอาไปขายให้กับป้าฮวย จะได้เงินมากินขนมกันบ้าง แม่ไอ้เหม่งคงจะเห็นดีด้วยแน่ๆ นี่ผมคิดเข้าข้างตัวเองแท้ๆทีเดียว

คิดได้ดังนั้นแล้วผมก็เดินข้ามฟากจาก ร้านกาแฟเฮียแก่เล็ก ตรงไปที่บ้านไอ้เหม่งซึ่งเป็นร้านถ่ายรูปทันที เพื่อไปชวนไอ้เหม่งที่บ้านมัน ซึ่งบ้านของมันก็คือห้องแถวที่ติดกันกับห้องของผมนั่นแหละครับ

 20090811 1289499582

จุ้ย คุณคะนึง คุ้มประวัติ น้องชาย เหม่ง คนอง คุ้มประวัติ

ตอนนั้นใกล้เที่ยงเต็มทีแล้ว ผมเห็นไอ้เหม่งกับไอ้จุ้ย (คะนึง คุ้มประวัติ ภายหลังรับราชการทหาร คือ พ.อ.คนึง คุ้มประวัติ) น้องของมันกำลังกินข้าวกันอยู่คนละจาน ป้าม่อมแม่ของมันทอดปลาทูให้มันเสียเกรียมน่ากิน สองคนมันตักข้าวเข้าปากกันอย่างเอร็ดอร่อย

จานในที่นี้ไม่ใช่จานกระเบื้องที่หล่นแล้วแตกได้หรอกนะครับ แต่เป็นจานสังกะสีเคลือบที่หล่นแล้วไม่แตก เพียงแต่สีที่เคลือบกะเทาะบิ่นไปเท่านั้น ช้อนก็เหมือนกันยังไม่มีช้อนสแตนเลสเหมือนในสมัยนี้หรอก มีแต่ช้อนเคลือบเป็นสีๆ มีช้อนอย่างดีก็เป็นช้อนอลูมิเนียมบางๆเท่านั้นเอง

 

 

100 kaew2

นายแก้ว ผู้เขียน ๑ ธ.ค. ๒๕๕๙