เรารักสุพรรณ สถานที่ท่องเที่ยวสุพรรณบุรี

chetsamian 093

 เด็กตลาดเจ็ดเสมียน รุ่นผม (ผู้เขียน) และรุ่นน้องๆ ถ่ายรูปร่วมกันที่ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลอง ใกล้ตลาดเจ็ดเสมียน

    ตลิ่่งตรงนั้นมันหักข้อศอก น้ำที่หลากเชี่ยวมาจากทางเหนือนั้น มันพุ่งเข้าชนตลิ่งตรงหักข้อศอกนี้โครมพอดี แล้วเบนหัวออกจากตลิ่งตรงนี้พุ่งออกไป จึงเกิดเป็นน้ำวนมองเห็นน้ำหมุนเป็นเกลียวเป็นหลุมลึกลงไป ดูดสิ่งต่างๆที่ผ่านมา ในรัศมีของเกลียวน้ำวนนี้ ลงไปที่ก้นแม่น้ำหมด

    มีคนเก่าๆที่หน้าวัดใหม่นี้เล่าให้ฟังว่า หน้าน้ำหลากที่เชี่ยวมากๆขนาด กอไผ่ ที่ถูกน้ำเซาะมาจากทางเหนือ ลอยมาทั้งกอพอมาถึงวังอีหนีบ  มันดูดลงไปในเบื้องล่างหายจ้อย ถ้าจะโผล่อีกทีก็โน่นท่าขวาง วัดบางกระนั่นเลย ถ้าเป็นคนก็ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ทุกคนจึงเห็นพ้องต้องกันว่า ตรงนี้ให้ชื่อว่า “วังอีหนีบ” ตั้งแต่นั้นมา

    เพราะว่ามีอะไรลอยผ่านเข้ามาเป็นหนีบดูดลงไปหมด แหม..! ใครนะเป็นผู้ออกหัวคิดตั้งชื่อนี้เป็นคนแรก อยากทราบจังเลย ช่างตั้งได้เหมาะสมดีแท้ๆ เป็นคำสั้นๆแต่สื่อสารได้ดีมากทีเดียว

   แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ที่ชื่อของวังอีหนีบนั้น อยู่ได้ไม่นาน ก็มีนักพัฒนาออกหัวคิดว่าชื่อนี้มันฟังแล้วหวาดเสียว แต่ผมขอคัดค้านสักหน่อย ฟังแล้วผมว่าดีเป็นชื่อที่ชาวบ้านร้านตลาด ฟังปุ๊บ เข้าใจความหมายปั๊บเลย ไม่เห็นว่ามันจะไม่เพราะหรือฟังแล้วน่าเกลียดตรงไหน

PC040314  

แม่น้ำแม่กลองไหลผ่านตำบลเจ็ดเสมียน  มองจากริมฝั่งตลาดเจ็ดเสมียนในปัจจุบัน  (นายแก้ว ถ่ายภาพ)

   แล้วท่านก็ตั้งชื่อเสียใหม่ให้ความหมายใกล้ๆกัน ชื่อใหม่จึงออกมาเป็น “วังลึก “  อื้อ..! ก็พอใช้นะแถวนั้นก็เลยกลายเป็นชุมชน วังลึก ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา คิดไปอีกทีถ้าไม่ได้เปลี่ยนชื่อแล้ว ก็จะเป็นชุมชนวังอีหนีบ ก็ดีเหมือนกันนะครับ

   แต่ต้องเข้าใจด้วยนะครับ ว่า หมู่ที่ ๑ ของตำบลเจ็ดเสมียนนั้น ไม่ใช่ชุมชนบ้านวังลึก หรือชื่อเดิมว่า วังอีหนีบ ต้องเป็นชื่อว่า หมู่ที่ ๑ บ้านพงสวาย เท่านั้นจึงจะถูกต้องด้วยประการทั้งปวง  เพราะว่าชุมชนบ้าน วังลึก หรือวังอีหนีบนั้น เป็นชุมชนย่อยของบ้านพงสวายเท่านั้น ถูกต้องนะ คร๊าบ......!

  คุยเรื่องคนไปงมหอยกาบกันที่ วังอีหนีบ ไหงออกนอกเรื่องไปเสียตั้งนาน จึงกล่าวได้ว่าคนพวกนั้นเสี่ยงกับความตายเสียจริงๆ ดีนะที่หน้านี้น้ำลงไปบ้างแล้ว “วังอีหนีบ” มันจึงคลายแรงหนีบลงไปมาก ผมจึงขอกลับไปหา ป้าฮวย แม่ไอ้โห้ (คุณสุรพงษ์ แววทอง) เพื่อนของผมอีกที

     แต่เดี๋ยวก่อนขออีกหน่อย ได้ข่าวว่าคนที่ลงทุนไปงมหอยกาบ ที่วังอีหนีบนั้นไม่เสียแรงที่ลงทุน วันหนึ่งเขางมได้ตั้งหลายกระสอบ แต่เสียอย่างเดียว ต้องเอาหอยสดเหล่านี้ไปต้มแล้วแกะเนื้อออก แจกชาวบ้าน เพราะกินกันเองไม่หมด แล้วเอาเฉพาะเปลือกไปขายให้ป้าฮวย เหตุที่ทำอย่างนี้ก็เพราะว่าป้าฮวย แกไม่ได้รับซื้อหอยกาบสดซื้อเฉพาะเปลือกหอยเท่านั้น

chetsamian 119

เด็กตลาดเจ็ดเสมียนส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนวิ่งเล่นและทำกิจกรรมอื่นๆ (ผู้เขียนนั่งสูงกว่าคนอื่น)

    ทีนี้ผมจะขอกล่าวถึงบ้านป้าฮวยเสียหน่อย เพื่อท่านผู้อ่านจะได้เข้าใจและนึกออกมากยิ่งขึ้น ป้าฮวยนั้นเมื่อสมัยก่อนหน้านี้ บ้านของป้าฮวยก็อยู่ที่ห้องแถวในตลาดเจ็ดเสมียนเหมือนกับผมเหมือนกัน แต่บ้านป้าฮวยอยู่ห้องแถวของตลาดแถวเก่า ซึ่งหันหน้าเข้าหากันกับตลาดแถวใหม่ที่ผมอยู่

    ป้าฮวยกับลุงหงวน ประกอบอาชีพทำผักกาดเค็มขาย ต่อมากิจการค้าเจริญขึ้น บ้านห้องแถวที่ในตลาดก็คับแคบ ป้าฮวยจึงไปปลูกบ้าน (ตึก) อยู่ตรงกันข้ามกับตลาด ที่เรียกว่าตลาดใหม่ หรือตลาดนอก แล้วก็ซื้อห้องแถวที่ตลาดนอกนี้ไว้ห้องหนึ่งเพื่อเอาไว้เก็บสินค้าต่างๆของป้าฮวยเอง

    ดังนั้นเพื่อการนี้ ป้าฮวยแกได้เช่าห้องข้างๆอีกห้องหนึ่งติดกับห้องของแก เพื่อรองรับลูกค้าที่จะนำเอาเปลือกหอยกาบมาขายให้ เพราะว่าเมื่อแกได้ป่าวประกาศไปแล้วว่ารับซื้อเปลือกหอยกาบ ให้ราคาดี อย่างไรเสียจะต้องมีคนหาเปลือกหอยกาบมาขายให้แกอย่างแน่นอน แกจึงเตรียมห้องไว้อีกห้องหนึ่งเพื่อเก็บ เปลือกหอยกาบโดยเฉพาะ

166 chetsamian

เด็กตลาดเจ็ดเสมียนอีกส่วนหนึ่งเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว ถ่ายที่สนามหญ้าหน้าโรงเรียน วัดเจ็ดเสมียน (หน้าเรือนหุ่นฯ ปัจจุบันนี้รื้อไปหมดแล้วสร้างใหม่)

    เมื่อมีคนนำเอาเปลือกหอยกาบมาถึงแล้ว ป้าฮวย แกก็จะตีราคาให้ทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเปลือกหอยกาบเก่าหรือเปลือกหอยกาบใหม่ ป้าฮวย แกก็จะตีราคาให้  อย่างเช่นถ้าเปลือกหอยกาบใหญ่หน่อย มีรูปร่างสวยคือไม่มีการชำรุด บิ่น หรือแตกแล้วละก้อ จะตีราคาให้สูงหน่อยคือ กก.ละ ๑ บาท แต่ไม่เกิน ๑.๕๐ บาท 

   สำหรับเปลือกหอยกาบที่ไม่สวย คือชำรุดแล้วมีรอยบิ่นและแตกหักไป ก็จะคิดราคาต่ำลงไป ตามแต่จะเห็นสมควร คือกิโลละ ๕๐ สตางค์ ถึง ๗๕ สตางค์ เท่านั้น ผู้ที่นำมาขายเมื่อได้เท่านี้ก็ดีใจเป็นอันมากแล้ว ทุกคนเต็มใจขายให้ป้าฮวยไม่มีข้อต่อรองอะไรเลย แล้วก็ยิ้มหวานๆรับเงินสดๆจากมือป้าฮวย กลับบ้านด้วยความสบายใจ

   หอยกาบที่เขาเอามาขายนี้ บางเจ้าก็ขุดได้มาจากบริเวณบ้านของตัวเอง บางเจ้าก็รอนแรมไปขุดที่อื่นมา ถ้าเขาเหล่านั้นสืบทราบได้ว่าที่ตรงไหนที่จะมีคนทิ้งไว้บ้าง ก็ไปขุดมา เหมือนได้มาเปล่าๆ แต่ต้องออกแรงหน่อยเท่านั้นเอง

   ผมได้ทราบมาบ้างว่า วิธีที่จะหาเปลือกหอยกาบมาขายนั้น วิธีที่ง่ายก็คือ ขั้นแรกต้องขยันเดินถามบ้านเพื่อนฝูง หรือญาติพี่น้องกันก่อน แล้วก็ขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ วิธีนี้สะดวกและง่ายดี แต่ผลลัพธ์ออกมานั้นจะได้ผลหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะว่าในขณะนั้น ลูกหลานบ้านไหนที่อยู่ว่างๆก็อยากออกหาขุดเปลือกหอยกาบไปขายทั้งนั้นแหละ คงไม่มีใครบอกใครหรอกครับ

PC040302

รถไฟวิ่งเข้าสถานีเจ็ดเสมียนในปัจจุบันนี้ (นายแก้วถ่ายภาพ )

100 kaew2

นายแก้ว ผู้เขียน ๒๗ พย. ๕๙